เป็นพระสมเด็จที่สร้างขึ้นในสมัย พระครูโสภิตธรรมสาส์น อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ ๓ ( พ.ศ.๒๔๙๓ - ๒๕๑๘ ) พร้อมกับพระสมเด็จกำแพงแก้ว ท่านพระครูโสภิตธรรมสาส์นได้จัดสร้างพระสมเด็จพุทธภูมิและพระสมเด็จกำแพง แก้วขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแจกเป็นของสมนาคุณแก่ผู้มีจิตศรัทธาบริจาค ทรัพย์ตั้งมูลนิธิเลี้ยงพระ เณร และนักศึกษาในวัด ด้วยเหตุนี้ จึงนับได้ว่าทั้งพระสมเด็จพุทธภูมิและพระสมเด็จกำแพงแก้วนี้ ต่างก็เป็นพระเครื่องที่มีวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างที่ดี พระสมเด็จพุทธภูมิและพระสมเด็จกำแพงแก้ว นับเป็นพระเครื่องที่มีความโดดเด่นและมีชื่อเสียงในวงการนักนิยมสะสมพระ เครื่องมานานจวบถึงถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ มิใช่เป็นเพียงเพราะการเป็นพระพิมพ์สมเด็จที่มีการประยุกต์ให้ดีขึ้นจากต้น แบบเดิมเท่านั้น หากแต่ยังเป็นเพราะว่าได้มีนำรูปพระแก้วมรกตมาจำลองแบบไว้ภายในครอบแก้วด้วย นั่นเอง ซึ่งเดิมทีแล้ว ทางวัดได้ทำการแจกจ่ายออกไปโดยที่มิได้มุ่งหวังความโด่งดังอะไรเลย แต่ผลปรากฎที่ออกมากลับเป็นที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง กล่าวคือใครก็ตามที่ได้พบเห็นพระสมเด็จพุทธภูมิและพระสมเด็จกำแพงแก้วไม่ว่า จะ ณ ที่ใดก็ตาม จะรู้สึกเหมือนมีอะไรดึงดูดใจให้ต้องเข้าไปชะโงกดูใกล้ ๆ แล้วก็พากันยอมรับในฝีมือช่างโดยปราศจากข้อกังขา แม้ว่าจะมีผู้สร้างพระสมเด็จออกมาเป็นล้าน ๆ องค์ แต่ก็หาใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีพระพิมพ์สมเด็จของใครสร้างออกมาได้อย่างเป็น ที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะเช่นนี้ และที่สำคัญมวลสารที่นำมาจัดสร้างทั้งพระสมเด็จพุทธภูมิและพระสมเด็จกำแพง แก้ว ก็นับเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความขลังได้ไม่น้อยเลยที่เดียว มวลสารที่นำมาจัดสร้าง : - ดินเก่าในกรุวัดราชบูรณะ จ.อยุธยา - ดินเก่าวัดพระรูป จ.สุพรรณบุรี - ดินเก่าวัดมหาธาตุ จ.ลพบุรี - ดินกรุวัดหินตั้ง จ.สุโขทัย - ดินกรุวัดอรัญญิก จ.พิษณุโลก - ดินกรุวัดนครชุม จ.พิจิตร - ดินกรุวัดบรมธาตุทุ่งเศรษฐี จ.กำแพงเพชร - ไคลสีมาวัดโพธิ์แก้วนพคุณ จ.สิงห์บุรี - ไคลสีมาวัดเกาะแก้ว จ.ลพบุรี - ไคลสีมาวัดเขาแก้ว จ.ลพบุรี - ไคลสีมาวัดป่าแก้ว จ.อยุธยา - ไคลสีมาวัดชุมแก้ว จ.ปทุมธานี - ไคลสีมาวัดอ่างแก้ว จ.สมุทรสาคร - ไคลสีมาวัดแก้ว จ.ลพบุรี - ดินสังเวชนียสถานจากอินเดีย ๗ ตำบล - ทรายจากกระถางธูปในสถานที่ที่มีผู้คนสักการะบูชา ๗ แห่ง - เกสรดอกไม้บูชาพระ ๗ แห่ง - ใบโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ที่นำมาปลูกในประเทศไทย ๗ ต้น - คัมภีร์พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ตัวขอมผูกอาราธนาหลวงพ่อผู้ทรงคุณพิเศษ ๗ รูป - ดินจอมปลวก ๗ จอม - น้ำมนต์ ๗ วัดเป็นตัวประสานมวลสาร พิธีพุทธาภิเษก : ได้มีการจัดพิธีตรงกับวันเสาร์ขึ้น ๙ ค่ำโดยได้มีการอัญเชิญองค์พระแก้วมรกตจำลองสู่โรงพิธี จากนั้นพระสงฆ์ ๗ รูปเจริญพระพุทธมนต์เย็น พอตะวันตกดิน พระสงฆ์เริ่มสวดพุทธาภิเษก คณาจารย์ผู้ทรงคุณวิเศษนั่งปรกปลุกเสกตลอด ๗ คืน หลังจากนั้น พอขึ้น ๑๔ ค่ำก็สวดเดินธาตุและสวดญัตติตามคัมภีร์โบราณก่อนจะนำออกให้ชาวบ้านญาติโยม บูชาต่อไป อนึ่ง ก่อนหน้านั้น ทางวัดได้อาราธนาหลวงพ่อผู้เป็นที่ยอมรับนับถือของคนไทยทั้งประเทศในสมัย นั้น ๗ องค์มาร่วมทำการปลุกเสกอันได้แก่ :- ๑.หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา ๒.หลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.ลพบุรี ๓.หลวงพ่อชม วัดตลุก จ.ชัยนาท ๔.หลวงพ่อมี วัดเขาสมอคอน จ.ลพบุรี ๕.หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว จ.สิงห์บุรี ๖.หลวงพ่อโสภิตธรรมสาส์น วัดรัมภาราม จ.ลพบุรี ๗.หลวงพ่อสมดี จ.สิงห์บุรี เมื่อสร้างและทำพิธีปลุกเสกเสร็จสมบูรณ์แล้ว ทางวัดก็ได้มอบพระสมเด็จพุทธภูมิและพระสมเด็จกำ แพงแก้วให้แก่พระเกจิอาจารย์ทั้ง ๗ รูปไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่ามากน้อยเท่าใด แต่โดยเฉพาะหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอกนั้น น่าจะได้มากกว่าเกจิอาจารย์รูปอื่น ๆ เนื่องจากปรากฎภายหลังว่าหลวงพ่อจงท่านได้นำเอาพระสมเด็จกำแพงแก้วแจกแก่ ลูกศิษย์ลูกหาไปจำนวนหนึ่งไม่น้อยเลยทีเดียว และภายหลังปรากฎว่าพระสมเด็จทีแจกไปนั้น เป็นที่นิยมศรัทธาอย่างสูง โดยผู้ที่ได้รับแจกต่างพากันเข้าใจไปว่าเป็นพระสมเด็จสร้างโดยหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ทั้งแท้ที่จริงแล้วเป็นของวัดรัมภารามนั่นเอง
สภาพน่ารักมากค่ะบรรยายด้วยภาพเลยค่ะ เริ่ม20บาทเหมือนเดิมที่เหลือแล้วแต่พี่พี่จะกรุณาค่ะ
สภาพสวยทั้งคู่ครับ องค์นพเก้าเนื้อสีเข้ม เหมาะแก่การไว้ในรถคุ้มครองจากอันตรายครับ
"หมากทุย" ต้นหมากนั้นตามปกติตายยากจะมีอายุยืน ที่จะตายได้ก็มีเพียงน้ำท่วม ขังนาน ๆหรือไม่ก็ถูกลมพัดหักกลางต้น แต่ถ้าหากหมากนั้นอยู่ดีๆก็ตายแห้งกรอบเหลือง ทั้ง ที่จั่นติดลูกดกพราว หมากนั้นเป็นหมาก "หมากตายพราย" ให้นำมาทำเครื่องรางที่ เรียกว่า "หมากทุย" วิธีการสร้างหมากทุย ประการแรกพระอาจารย์จะให้ศิษย์ไปขึ้นต้นหมาก เพื่อเอาลูกหมากที่ตายพรายลง มา และลูกหมากนั้นจะต้องเป็นลูกหมากอ่อนที่มีขนาดเล็กพอเหมาะ ส่วนการจะขึ้นไปนั้น ท่านจะสอนคาถาภาวนาให้ เมื่อเวลาขึ้นต้นหมากก็ต้องภาวนาทุกช่วงเวลาไต่ ครั้นพอถึง แล้วก็ไม่ให้เอามือเด็ดแต่ให้ใช้ปากคาบแล้วดึงจนลูกหมากขาด เวลาคาบไว้ในปากก็ภาว คาถากำกับทุกช่วงไป เมื่อได้ลูกตายพรายมาแล้วก็เปิดจุกด้านบนคว้านเอาเนื้อหมากด้าน ในออกให้หมด จากนั้นจึงเอาเม็ดพระธาตุ ( ถ้าไม่มีก็ใช้กระดาษสา ลงพระนามพระพุทธ เจ้าด้วยอักขระแทน ) เมื่อทำการปลุกเสกแล้ว ก็บรรจุลงไปด้านในแทนให้เต็ม จากนั้นก็ เอาชันโรงใต้ดินมาอุดปิดทับด้านบนให้แน่น เพื่อป้องกันความชื้นและตัวแมลง การปลุกเสกกำกับด้วยพลังจิต จนเกิดอุดมนิมิตว่าลูกหมากลุกตั้งได้เอง จึงถอน จิตแล้วนำไปถักเชือกหุ้มอีกชั้นหนึ่ง แล้วลงรักเคลือบผิว ทำห่วงด้านบนเพื่อใช้คล้องคอ ไม่สมควรนำมาคาดเอวหรือห้อยพวงกุญแจ เพราะภายในบรรจุพระนามพระพุทธเจ้า อานุภาพการใช้ กล่าวได้ว่าเมื่อนำติดตัวจะช่วยป้องกัน ทางด้านมหาอุด คงกระพัน แคล้วคลาด และยังป้องกันภูติผีปีศาจ ให้หมั่นปลุกเสกกำกับด้วยคาถาพระเจ้าห้าพระองค์ว่า "นะโม พุทธายะ " อยู่เสมอ ๆ การอาราธนาให้ใช้วิธีดังนี้ ตั้นะโม 3 จบ และระลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัย คุณบิดามารดา ครูอาจารย์ และ เรียกชื่อผู้เป็นเจ้าของหมากทุยที่ท่านนับถือ แล้วใช้คาถามงกุฏเพชรพระพุทธเจ้า จาก นั้นหนุนด้วยคาถามหาอุด ดังนี้ " นะอุด โมอัด พุทยัด ธาปิด ยะมิดชิด ปิดปากกระบอก นะ พุทธผัดผิด ปิดด้วยนะโมพุทธายะ "
เบี้ยแก้ เลี่ยมเก่า ไม่ทราบที่ 18k ปรอทวิ่งดีมาก จารมือ สวยๆราคาวัดใจ ด้านคงกระพัน สามารถป้องกันศาสตราวุธได้มากมายหลายชนิด เช่น มีด ไม้ ของแหลม ด้านแคล้วคลาด แบ่งเป็นเรื่องของการแคล้วคลาดจากอันตรายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุบัตเหตุ หรือเรื่องของการถูกทำร้าย แคล้วคลาด จากสิ่งที่ชั่วร้ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวิญญาณ เรื่องของคุณไสย ภูติผีปีศาจ ผู้ที่มี " เบี้ยแก้ " จะไม่มีทางตายโหงด้วยอุบัติเหตุ ผู้ที่มี " เบี้ยแก้ " จะไม่ถูกผี ปีศาจ หรือวิญญาณชั่วร้ายหลอกหลอน ผู้ที่มี " เบี้ยแก้ " จะไม่ถูกคุณไสย หรือพลังงานที่ชั่วร้ายทำร้าย อย่างแน่นอน ผู้ที่มี " เบี้ยแก้ " จะปลอดภภัยจากอันตรายทุกอย่างทุกประการ ด้านร้ายกลับเป็นดี ผู้ที่มี " เบี้ยแก้ " ไว้บูชา ไม่ว่าจะเป็นของครูบาอาจารย์ท่านใดก็ตาม จะมีคุณสมบัติในเรื่องช่วยให้เรื่องร้ายๆ หรือ เรื่องที่ไม่ดีต่างๆ ให้กลับกลายเป็นเรื่องที่ดี อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งเป็นจุดสำคัญของคำว่า " เบี้ยแก้ " ที่มีความหมายว่า แก้ในสิ่ง ที่ไม่ดี ให้กลับเป็นดีขึ้นได้
พระแท้ สวย ดูง่าย เนื้อว่านแห้งจัดครับ
พระเครื่อง หลวงพ่อทวด " รุ่น ๑ " หลังเตารีด เนื้อนวโลหะ จัดสร้างเป็นครั้งแรกของวัดช้าง โดยพระเถระวัดช้างให้ จ. ปัตตานี ปลุกเสกพระเครื่องดังแห่งปี มหาพิธีปลุกเสกชุมนุม ๑๐๘ พ่อท่านภาคใต้ , ๑๐๘ ท่านเจ้าวัดเมืองปัตตานี , ๑๐๘ พระเถระนครนายก พระครูโสภณ นาคกิจ ได้จัดสร้างรูปเหมือนจำลององค์หลวงพ่อทวด ขนาดเท่าองค์จริงเพื่อประดิษฐานในวิหารบูรพาจารย์ ณ วัดช้าง อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก การเททองหล่อองค์หลวงพ่อทวด ประกอบพิธีตามมงคลฤกษ์ได้ ดิถีอมฤคโชค " จันทร์ตรี " การเททองเหลือเนื้อโลหะก้นเบ้าจำนวนมาก ทางวัดช้าง จึงได้นำโลหะที่เหลือมาหลอมรีดปั๊มเป็นองค์หลวงพ่อทวด และประกอบพิธีปลุกเสกใน ดิถีอมฤคโชค " เสาร์ห้า " เป็นฤกษ์ดีในรอบ ๑๐๐ ปี คือวันที่ ๒๐ มีนาคม รวม ๔ วัน ๓ คืน นับเป็นพิธีใหญ่ที่สุดในการสร้าง หลวงพ่อทวด ฤกษ์ เสาร์ ๕ พ.ศ. ๒๕๕๓ เนื้อองค์พระ เป็นเนื้อนวะโลหะสูตรโบราณของวัดช่าง จากท่านอาจารย์นิรันดร์(หนู) แดงวิจิตร แต่แรกท่านพระครูโสภณนาคกิจ หรือพระอาจารย์เดช ได้นำมวลสารแร่ธาตุก้านชนวนพระกริ่งรุ่นเก่า ๆ ของวัดช้าง ที่ได้มาจากวัด สุทัศน์ ผสมกับแผ่นโลหะพระยันต์ ๑๐๘ นะปะถะมัง ๑๔ นะ พระรัตนสูตร พระมงคลสูตร โลหะก้นเบ้าจากการสร้างพระกริ่งในอดีต มาหล่อหลอม เนื้อเหลือ จากการเททอง ได้นำมาผสมกับทองคำแท่งเป็นโลหะ ๙ ชนิด ปั๊มเป็นองค์พระหลวงพ่อทวด รุ่น ๑ ของวัดช้าง ผิวองค์พระเมื่อแรกปั๊มแบ่งเป็น ๒ ชนิดคือ ๑. ชนิดผิวเดิมธรรมชาติ และ ๒. ชนิดผิวปัดลูกผ้า โดยเนื้อในขององค์พระจะเป็นสีส้มอมชมพูเข้ม ซึ่งสร้างกระแสความสนใจให้พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นรุ่น ๑ ของวัดช้าง ที่มีพระคณาจารย์พ่อท่านทางภาคใต้ พระพิธีจากวัดช้างให้ และพระคณาจารย์จังหวัดนครนายก กว่า ๓๖๐ รูป มาทำการปลุกเสกให้อย่างยิ่งใหญ่ พิมพ์ทรงองค์พระ หลวงพ่อทวด รุ่น ๑ ด้านหน้าองค์พระประทับบัลลังก์บัวแก้ว ลักษณะของบัวแบ่งเป็นด้านบน ๗ กลีบหงาย ด้านล่าง ๗ กลีบคว่ำ สันกลีบบัวปรากฏเ-กลาง สำหรับพิมพ์เดิม ๆ ผิวธรรมชาติจะยังคงเ-ชัดเจน ส่วนพิมพ์ผิวขัดปัดลูกผ้าอาจจะสึกเพราะการขัดเงาของช่าง จึงทำให้เ-กลางกลีบบัวหาย องค์พระพิมพ์หัวโตคล้ายพิมพ์หลังตัวหนังสือในอดีต ต่างตรงด้านหน้าเป็นทรงเตารีด และพิเศษมีเลข ๑ หลวงพ่อทวดรุ่น ๑ วัดช้าง นับเป็นปฏิมากรรมการสร้างรูปเหมือนหลวงพ่อทวดมิติใหม่ที่ไม่ทิ้งความนิยม จากอดีต ซึ่งยังคงรูปลักษณ์ความศัทราแห่งบารมีเทพเจ้าเหยียบน้ำทะเลจืดไว้ดังเดิม โดยพิมพ์เป็นเอกลักษณ์พิมพ์เดียว แต่ถอดพิมพ์ได้ ๘ บล็อก ดังปรากฏตัวเลขที่จะระบุไว้กับกล่องที่จะบรรจุพระพิธีพระเถระ "พ่อท่าน" เมืองใต้ ในการปลุกเสกหลวงพ่อทวด มีขึ้นในวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๓ ตรงกับวันจันที์ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๕ ปีขาล ได้ฏีกาอาราธนาพระเถระ พ่อท่านจาก ๑๔ จังหวัดภาคใต้ขึ้นมาประกอบพิธีกรรมอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งมีพ่อท่านประสูติ วัดในเตา จ. ตรัง คัดเลือกรายนามพระเกจิอาจารย์ เพื่อรวมพลังปลุกเสกหลวงพ่อทวด ณ วัดช้าง อ. บ้านนา จ. นครนายก ที่สำคัญพ่อท่านเมืองใต้ มีพระเถระผู้ทรงวิทยาคุณมารวมพลังปลุกเสกมากเป็นครั้งประวัติการณ์ กว่า ๑๐๘ รูป โดยพิธีมังคลาพิเษกหลวงพ่อทวดมีขึ้นตั้งแต่วันที่ ๒๐ เป็นพิธีใหญ่จุดเทียนชัย " เสาร์ ๕ " ถึงวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๓ รวม ๔ วัน ๓ คืน พิธีเถระ "ท่านเจ้าวัด" แห่งเมืองปัตตานี พิธีนี้เป็นการอันเชิญดวงวิญญาณองค์หลวงพ่อทวด ในการจัดสมโภชรูปเหมือน องค์จำลอง ทำพิธีเบิกเนตรหลวงพ่อทวด วันอาทิตย์ที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๓ ในพิธีนี้ ท่านเจ้าคุณองค์รอง "วัดช้างให้" ปัตตานี ได้นำพลเจ้าอาวาส ฯ หรือที่เรียกว่าท่านเจ้าวัด กว่า๑๐๘ รูป มาเจริญพระพุทธมนต์ครบสูตร ต่อจากนั้นได้บริกรรมอธิษฐานจิตปลุกเสกพระเครื่อง รุ่น ๑ แห่งวัดช้าง เพื่อให้เป็นตำนานความศักดิ์สิทธิ์...
รับประกัน ตามกฎ ส่งพระตามรูปครับ***เป็นเหรียนที่หน้าเก็บสะสมก่อนจะแพง***ยอดไม่ถึง100บาท ขอค่าจัดส่ง20บาทครับ***ถ้ามีการโอน กรุณาแจ้งในกล่องข้อความทุกครั้ง เพื่อความรวดเร็วในการจัดส่งพระครับ ***กรุณาโอนพายใน 7 วัน หลังจากปิดประมูลครับ***เรียนผู้ชนะการประมูล ชื่อบัญชี นาง วารุณี เกิดทวี ครับผม