เหรียญหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ สร้างบารมี 19 ย้อนยุค โค๊ดเงิน คป.(นิยม) องค์สวยยยยยยยยยยยยยยๆ +++ รับประกันความแท้ 100 % ตลอดชีพ +++ และยังมีหลากหลายรายการ ดีดี อีกมากมาย ที่รอคอยพี่ๆเข้าร่วมประมูล ..คลิ้กได้ ที่ป้ายฟ้า เลยคร้บบผม
เหรียญ ปั๊ม หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา พิมพ์นั่งพาน รุ่น ชนะมาร แบบพิมพ์ทรงสวยงดงาม ปราณีต ชื่อก็เป็นมงคล จัดเป็นพิมพ์นิยมเล่นหากันเป็นสากล จำนวนการจัดสร้างจำกัด ชัดเจน อนาคตยังไปอีกไกล พระรุ่นนี้จัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2537 เก็บได้รีบเลยครับ เหรียญ หลวงพ่อคูณ นั่งพาน ชนะมาร เนื้อทองเหลือง เจ้าของเดิมทำกระหลั่งเงินตั้งแต่ออกจากวัดนะครับ บัตรรับรองระบุล้าง เนื้อมองแล้วเหมือนเนื้อเงินครับ เลขต้นๆ No. 1961 ถ่ายรูป ตามลักษณะแสง ที่แตกต่างกัน ดูความแตกต่างครับ รายการวัดใจ เคาะเดียวแดง กดที่ แจ้งบัญชีสำหรับโอนเงินครับ 1 ธนายุส์ ปราบโรค ธนาคารกรุงเทพ สาขาเซฟวัน เลขที่ 749-0-17015-1 2 สุกัญญา ปราบโรค ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่ 790-217080-6 เบอร์โทร 091-880-1991 ขอบคุณที่ร่วมสนุกครับ
เหรียญ หลวงพ่อคูณ 2517 เนื้อทองแดง บล็อคคอปาด (สายฝน) สภาพสวย เดิมๆ หายากขึ้นทุกคน เก็บๆ กันหมดแล้วครับ รับประกันตามกฏครับ รายการวัดใจ เคาะเดียวแดง กดที่ แจ้งบัญชีสำหรับโอนเงินครับ 1 ธนายุส์ ปราบโรค ธนาคารกรุงเทพ สาขาเซฟวัน เลขที่ 749-0-17015-1 2 สุกัญญา ปราบโรค ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่ 790-217080-6 เบอร์โทร 091-880-1991 ขอบคุณที่ร่วมสนุกครับ
ลูกอมผงพรายกุมารบร์อนฝุ่นดูง่ายสบายตาครับ เลี่ยมทองสามห่วง สวยคลาสสิคสุดๆ บร์อนฝุ่นนิยมครับ สุดยอดประสบการณ์ เมตตามหานิยมสุดๆ ใช้แทนขุนแผนองค์เป็นล้านได้เลยครับ ประกันแท้ทุกสนามครับหรือทุกกรณีตลอดชีพครับ
.....วัดใจ..เคาะแรก....เหรียญหลวงพ่อคูณ ปี 2517 ปล็อคหน้าเกลี้ยง...เลี่ยมทองแท้พร้อมใช้ + บัตรเว็ป ดีดี..... เหรียญสวย สภาพผิวรมดำใหม่ เลี่ยมทองพร้อมใช้ รับประกันพระแท้ มาพร้อมบัตรเว็ป ดีดี @@พิจารณาก่อนนะครับ พระผิวมีรมใหม่ ชอบแล้วเคาะจะได้ไม่เสียเวลาทั้งสองฝ่าย ขอบคุณมากครับ@@
พิจารณาตนเอง ก่อนพิจารณาพระ ตามกฏเวปนะครับ ไม่มีก๊อก 2 ก๊อก 3 ตามภาพประกอบที่ชัดเจน ไม่มีหมกเม็ด
พระหลวงปู่ทวด พิมพ์หลังหนังสือเล็ก เนื้อทองแดงรมดำ ผิวหิ้งงามๆ วัดเอี่ยมวรนุช ปี2508 + ใบเซอร์สมาคม (ใบเซอร์อันดับ 1 ของประเทศ) พระหลวงปู่ทวด พิมพ์หลังหนังสือเล็ก (นิยม) เนื้อทองแดงรมดำ วัดเอี่ยมวรนุช ปี2508 กรุงเทพมหานคร + ใบเซอร์สมาคม (ใบเซอร์อันดับ 1 ของประเทศ) อ.ทิม วัดช้างให้ ปลุกเสก องค์นี้ผิวหิ้งงามๆเลยครับ สภาพจัดว่าสวยครับ สามารถใช้แทนหลังหนังสือ ที่มีราคาเป็นแสนของวัดช้างให้ได้สบายเลยครับ พุทธคุณสุดยอดไม่แพ้กันครับ ราคาแบ่งปันให้เพื่อนสมาชิกดีดีครับ กำไรไม่สน อยากแบ่งปันครับ ^ ^ เรื่อง ความแท้หายห่วงครับ ส่งให้พร้อมหนังสือรับรองพระแท้ของสมาคมครับ เป็นที่ทราบๆกันดีครับว่าใบเซอร์ของสมาคม จัดเป็นใบเซอร์ที่คนในวงการยอมรับเป็นอันดับ 1 สามารถใช้อ้างอิงได้ทั่วโลกครับ กว่าจะออกได้ใช้เวลานานมากๆครับ รอกันเป็นหลายๆเดือนบางทีต้องรอเป็นแรมปีครับ เพราะต้องตรวจเช็คโดยละเอียดก่อนออกใบเซอร์ครับ โดยเฉพาะหลวงพ่อทวดนี่ชาวมาเลย์ สิงคโปร์ ไต้หวัน และจีน ศรัทธามาก ชาวต่างชาติเหล่านี้ให้การยอมรับใบเซอร์ของสมาคมมากครับ ขนาดองค์พระ สูง 3.2 ซม ฐานล่างกว้าง 1.8 ซม เรียกว่าเล็กว่าขนาดเตารีดใหญ่นิดหน่อยครับ เป็นขนาดที่นิมนต์ห้อยคอเรียกว่ากะลังสวยเลยครับ หรือไว้เป็นองค์ครูเอาไว้ศึกษาก็ได้ครับ ของแท้ๆสภาพผิวหิ้งแบบเดิมๆต้องแบบนี้ครับผม รุ่นนี้ของปลอมเยอะมากนะครับ เนื่องราคาสูงขึ้นตลอดปัจจุบัน ราคาทั่วไปหมื่นกลางขึ้นไป สวยๆว่ากันสองหมื่นครับ พร้อมกล่องเดิมๆตั้งแต่ซื้อคูปองออกใบเซอร์เลยครับ ประวัติการสร้างคร่าวๆครับ สมัยที่อาจารย์ทิม วัดช้างให้ ได้รับนิมนต์ให้ขึ้นมาช่วยทางวัดปราสาทบุญาวาส สามเสน ที่ถูกไฟไหม้ ในครั้งนั้นหลวงปู่ทิม ได้ไปจําวัดที่วัดเอี่ยมวรนุช และทางวัดเอี่ยมวรนุช ได้จัดการสร้างวัตถุมงคล เพื่อเป็นที่ระลึกและเพื่อหาทุนมาบูรณะวัดเช่นกัน โดยในการจัดสร้างก็ได้ใช้พิมพ์พระหลวงปู่ทวด ของวัดช้างไห้ มาเป็นแม่แบบพิมพ์พระ ซึ่งสร้างด้วยกันหลายแบบ และสร้างพร้อม "พระกริ่งอุบาเก็ง" ที่นิยมกันมากในสมัยนี้ สําหรับพระชุดหลวงปู่ทวดที่วัดเอี่ยมวรนุชสร้าง มีทั้งพระบูชา พระหล่อโบราณ พระปั๊มหลังหนังสือ เหรียญปั๊มเสมาฯ อาจารย์ทิม ท่านเมตตาเป็นเจ้าพิธี ในการจัดสร้าง พร้อมทั้งผสมสูตรหลักๆ เองกับมือ และยังทําพิธีปลุกเสกให้อย่างดีพร้อมกับพระเกจิอาจารย์แห่งยุคนั้นอีกหลายรูป และยังได้นำเข้าร่วมในพิธีของวัดประสาทบุญญาวาสด้วยโดยมี หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณมิตร ฯลฯ ร่วมปลุกเสก
ปี 2512 รุ่นแรกของหลวงพ่อคูณ เลี่ยมทองคำแท้จากห้างทองเยาวราช เปอร์เซ็นต์สูง พร้อมบัตรรับรอง แค่กรอบทองคำก็เกือบ 6000 บาทแล้วครับ พระหลักแสนมาวัดใจเคาะละ 10 บาท เหรียญรุ่นแรกที่สร้างชื่อเสียงและยอดนิยมที่สุด ของหลวงพ่อซึ่งฝากไว้ให้ลูกหลานด้วยความเข้มขลัง ตั้งใจปลุกเสก เพราะเป็นรุ่นแรกของท่าน ตามประสพการณ์ทำให้ท่านอยู่ในความทรงจำ เลื่อมใสศรัทธาในพุทธคุณสืบไป รับประกันตามกฏเวปและความแท้ตลอดชีวิต ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาร่วมประมูลหรือแวะชม ขอให้ร่ำรวยและมีความสุข สุขภาพแข็งแรง ครับ
ประวัติพระกรุวัดคลองขอม สุพรรณบุรี วัดคลองขอม หมู่ 3 คลองขอม เขตสามชุก อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อราวปีพุทธศักราช 2456-2460 เจ้าอาวาสวัดคลองขอมในขณะนั้น คือหลวงพ่ออุ่ม ท่านเป็นศิษย์องค์หนึ่งของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่ออุ่มมักไปมาหาสู่กับหลวงปู่ศุขเป็นประจำ หลวงปู่ศุข ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ก็มักได้รับนิมนต์ให้ไปปลุกเสกพระที่ วัดต่างๆ เช่นวัดอนงคาราม ในกรณีนี้ก็เช่นกัน หลวงปู่ศุข ท่านก็ได้มาช่วยสร้างพระเพื่อหาทุนสร้างพระอุโบสถที่ วัดคลองขอมแห่งนี้ มวล สารที่นำมาเป็นส่วนผสมในการทำพระใช้ผงวิเศษ ว่าน 108 เกสรดอกไม้ ผงปถมัง ผงอิทธิเจ จากการลบสูตรแบบโบราณ และยังได้นำใบลานเก่ามาเป็นส่วนผสมด้วย ประวัติศาสตร์ส่วนนี้กล่าวกันว่า ขณะที่นำเอาตำราใบลานเก่าที่ชำรุดมาเผา หลวงปู่ศุข และหลวงพ่ออุ่ม ก็ได้เดินจงกรมทำสมาธิไปรอบๆกองไฟด้วย เชื่อกันว่าผงใบลานนี้ให้ผลทางคงกระพันชาตรี เมื่อสร้างเสร็จ หลวงพ่ออุ่มและหลวงปู่ศุขได้ร่วมกันปลุกเสกเป็นเวลา 1 ไตรมาส (ก่อนเข้าพิธีใหญ่) พิธีพุทธาภิเศกพระที่บรรจุในกรุคลองขอม ประมาณปี พ.ศ.2456-2460 ในสมัยหลวงพ่ออุ่มเป็นเจ้าอาวาสนั้น เป็นการปลุกเสกหมู่ครั้งใหญ่ โดย มีหลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นประธานในพิธี นอกจากนี้ยังมีพระเกจิอาจารย์จากเขตสุพรรณบุรี ชัยนาทและจากที่อื่นๆที่เก่งๆอีกหลายท่าน มาร่วมปลุกเสก แต่ที่รู้จักกันดีได้แก่ หลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว, หลวง พ่ออิ่ม วัดหัวเขา แม้กระทั่งหลวงพ่อปาน แห่งวัดบางนมโค ก็มาร่วมพิธีนี้ด้วย เพียงแค่นี้ก็ถือได้ว่าสุดยอดแห่งพิธีกรรมแล้ว เพราะพระเกจิที่มาปลุกเสกนั้นถือได้ว่าเข้มขลังและ “เก่งจริง!” หลัง จากนั้นก็แจกแก่บรรดาผู้มาร่วมการกุศล กล่าวกันว่า เมื่อโบสถ์สร้างเสร็จ พระผงยังคงเหลืออยู่จำนวนมาก ส่วนเนื้อทองเหลืองเหลือน้อย หลวงพ่ออุ่ม ได้บรรจุพระเข้าในเจดีย์ที่สร้างขึ้นหน้าโบสถ์ และใต้ฐานชุกชีพระประธานในโบสถ์ พร้อมกับบันทึกเหล็กจารในแผ่นเงิน ระบุความเป็นมาของพระชุดนี้บรรจุเข้าไปในพระเจดีย์ด้วย และที่เจดีย์นั้นได้มีการเขียนป้ายปิดไว้ว่าเป็นกรุพระของหลวงปู่ศุขอย่างชัดเจน เมื่อครั้งที่แตกกรุมาใหม่ๆ ประมาณปี พ.ศ.2522 - 24 ว่า กันว่าเซียนพระจากส่วนกลางได้เดินทางไปบูชาเหมามาเป็นจำนวนมาก ว่ากันว่าค่อนกรุเลยทีเดียว ต่อมาประมาณสิบกว่าปีที่ผ่านมา ได้มีคนนำมาลงโฆษณาในหนังสือมหาโพธิ์เป็นเจ้าแรก ให้ผู้ที่สนใจตัดบัตรไปแลกซื้อ ต่อมาก็มีข่าวว่ามีหนังสือเล่มอื่นๆ ทำด้วยเหมือนกัน เรื่อง เล่าเกี่ยวกับการแตกกรุ ได้ฟังจากเซียนใหญ่ที่ได้พระมาตั้งแต่ครั้งแตกกรุใหม่ๆเป็นจำนวนมาก ท่านว่ากรุที่อยู่ใต้พระประธานอุโบสถวัดคลองขอมแตกออกมาเนื่องจากหลังคารั่ว น้ำฝนได้ตกลงมาที่องค์พระเป็นเวลานาน ทำให้ฐานด้านหนึ่งขององค์พระผุและหักล้มลงพิงกำแพง ชาวบ้านต้องช่วยกันยกไว้วางข้างๆตำแหน่งเดิม จึง ได้พบกรุที่บรรจุพระพิมพ์เป็นหลุมขนาดใหญ่ สภาพกรุมีสองชั้น พระที่อยู่ชั้นบนผิวพรรณสะอาด ชั้นล่างมีน้ำฝน ไหลซึมผ่าน ขังแล้วแห้งไปๆ เมื่อได้นำพระขึ้นมา ปรากฎมีทั้งดินทรายจับเป็นจำนวนมาก ทางวัดได้นำมากองเรียงๆ ไว้เป็นก้อนใหญ่บ้าง เล็กบ้าง พระมีดินจับอยู่เต็ม และติดกันเป็นก้อน พอจะนับแยกองค์ ก็ต้องเอาน้ำหยอดแล้วเอาเครื่องมือที่พอหาได้ ค่อยๆเซาะพระออกจากกันทีละน้อยๆ ซึ่งแน่นอนพระอาจจะมีตำหนิหรือจะไม่ค่อยสวยเท่าไรนัก อีก จุดหนึ่งคือกรุพระที่อยู่ภายในเจดีย์ ซึ่งได้ถูกคนร้ายแอบเจาะจนชำรุด ทางวัดจึงได้ปรึกษาคณะ กรรมการทำการเปิดกรุ พบพระเครื่องเหล่านี้บรรจุอยู่มากมาย ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง (กรุงเทพ-สุพรรณและชัยนาท)ต่างก็พามาเช่าหากัน หมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน พระกรุคลองขอมจำนวนมากๆ ก็ยังอยู่ในความครอบครองของเซียนหลายท่าน เจ้าละมากๆ ทำให้ไม่เป็นที่แพร่หลายหรือรู้จักเท่าที่ควรเพราะ ไม่มีให้เล่น ที่มีออกมาให้เห็นโดยมากเป็นของเก็บเก่าของชาวบ้าน หรือผู้ศรัทธาในองค์หลวงปู่ศุข ได้ไปเช่าหาเก็บไว้เมื่อครั้งกรุแตก อย่างไรก็ตามหากท่านผู้อ่านคิดจะเก็บพระกรุของแท้ล้านเปอร์เซ็นต์ไว้ศึกษา หรือเพื่อนำมาบูชาติดตัวถือได้ว่าไม่ผิดหวังในเรื่องของพุทธคุณ ดังที่เคยปรากฏเป็นข่าวบ่อยๆ ทั้งเรื่องแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุ หรือยิงฟันไม่เข้า มีหลายคนที่มีปัญหาเดือดร้อนเรื่องการเงิน เอาไปบูชาสวดขอพรทุกคืนก็ประสบผลสำเร็จ หากถ้าคิดจะเก็บจะหาไว้บูชาก็ช่วงนี้ละครับ เพราะราคายังไม่แพง เป็นพระหลักร้อยพุทธคุณหลักแสน ก็ว่าได้!!
"แป๊ะโค้วเซียน" นี่คนนับถือเขาจะเรียกท่านว่า "เอี๊ยะฮงเซียน" หรือ "เอี๊ยะฮงโพธิสัตว์" ครับ (ขอเล่าอย่างย่อนะ) เดิมท่านก็เป็นคนธรรมดานี่แหละ ต่อมาท่านฝักใฝ่ปฏิบัติธรรม กินเจ แล้วเลิกละสิ่งต่าง ๆ ไปภาวนาอยู่ในโรงเจละแวกนั้น จนท่านสำเร็จบรรลุธรรม(ตามอย่างมหายาน) คืนวันที่ท่านบรรลุธรรมนั้นเกิดพายุใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อน ฟ้าผ่า ฟ้าร้องอย่างหนัก คนหัวตะเข้กลัวกันมาก เช้ามาถึงรู้ว่าท่านสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาแล้ว ชื่อที่เรียกว่า ตำบลหัวตะเข้ ก็เพราะเมื่อก่อนในคลองหัวตะเข้นั้นมีจระเข้ใหญ่อาศัยอยู่ กินวัวควายของชาวบ้านไปหลายตัวสร้างความหวาดกลัวให้ผู้คนมาก ต่อมาเมื่อเห็นชาวบ้านอยู่ไม่เป็นสุขเพราะบ้านเรือนอยู่ริมน้ำและต้องสัญจร ทางน้ำอยู่เป็นสำคัญ เอี๊ยะฮงจึงทำพิธีเรียกจระเข้ใหญ่ขึ้นมาเหนือน้ำแล้วลงไปยืนเหยียบหัวจระเข้ พลางสั่งให้มันกินอยู่อย่างสงบ ไม่ให้ทำร้ายคน และไม่ให้ปรากฏตัวให้คนเห็น ชาวบ้านจะได้อยู่กันอย่างสงบสุขเสียที เมื่อผู้คนเห็นเอี๊ยะฮงขึ้นไปยืนอยู่บนหัวจระเข้ได้โดยที่มันไม่ทำร้าย มีอาการเชื่องดุจลูกแมว ก็ตื่นเต้นแตกตื่น เชื่อมั่นในฤทธิ์ของท่านเป็นยิ่งนัก และมั่นใจในพิธีกรรมของท่านจนเลิกกลัวจระเข้ใหญ่ไปในทันที พอเอี๊ยะฮงลงจากหัวจระเข้แล้วมันก็มุดน้ำหายไปและไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาอีก เลย ตั้งแต่นั้นชาวบ้านก็ขนานนามคลองว่าคลองหัวตะเข้ จนกลายเป็นตำบลหัวตะเข้มาจนทุกวันนี้ เอี๊ยะฮงมีชีวิตอยู่ในช่วงรัชกาลที่ 4 ต่อรัชกาลที่ 5 เมื่อท่านมรณะจากไป คณะกรรมการโรงเจเก่าได้เก็บสรีระท่านไว้เพราะไม่เน่าเปื่อย แถมท่านยังนั่งสมาธิมรณะ มิได้อยู่ในอิริยาบถนอนเช่นคนอื่น ต่อมาคณะกรรมการชุดเก่าได้แยกตัวออกไปตั้งโรงเจใหม่มีชื่อว่า "มูลนิธิแปะโค้วเซี่ยงงี่" อยู่คนละฝั่งคลองกัน และเกิดกรณีพิพาทกับโรงเจเก่าซึ่งอยู่ในตลาดลาดกระบัง จนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลให้ตัดสิน และโรงเจใหม่ก็เป็นผู้ชนะได้ครอบครองดูแลสรีระของเอี๊ยะฮงเซียน ต่อมาน้าชายท่านเดินทางมาจากเมืองจีนเพื่อตามหาหลานชายให้กลับไปดูใจแม่ที่ กำลังป่วยหนัก ก็มาพบว่าหลานกลายเป็นเซียนไปแล้ว อีกทั้งยังนั่งตายจากไป จึงตรงเข้าไปต่อว่าสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของท่านว่า ไม่กตัญญูเลย เอาตัวรอดบรรลุธรรมไปคนเดียวทิ้งแม่ให้เจ็บไข้ต้องร้องไห้อาลัยหา สารพัดจะดุด่าธาตุขันธ์ท่าน เพียงไม่นานนับว่าน่าอัศจรรย์ที่สุด สังขารไร้วิญญาณที่นั่งขัดสมาธิเพชรตั้งตรงอยู่นั้นก็ค่อย ๆ โค้งลง ค่อย ๆ ก้มศีรษะลง จนกระทั่งหยุดนิ่งอยู่ในลักษณะดุจดังคนสำนึกผิด น้าชายเห็นอัศจรรย์ดังนั้นก็ตะลึงจังงัง และหยุดการดุด่าทันที จากนั้นก็กราบไหว้แล้วเดินทางกลับประเทศจีนไปบอกแม่ท่าน ต่อมารูปเคารพท่านถูกคนขโมยไปหลายครั้ง เกิดความเสียหายกับสรีระท่านไม่น้อย ฝรั่งมาเห็นสรีระท่านยังเกิดความอัศจรรย์ใจ พร้อมกับขอซื้อในราคาที่เป็นเงินไทยถึง 10 ล้านบาท นั่นเป็นราคาเมื่อ 30 ปีก่อนโน้นนะครับ แต่ไม่ว่าสรีระท่านจะถูกขโมยไปอยู่ที่ใด ท่านก็จะบอกศิษย์ทั้งหลายในฝันบ้าง ในนิมิตบ้างให้ตามไปหา แล้วก็เจอทุกครั้งไป องค์อาเซียนท่านเคยบอกว่าสมัยที่ท่านปฏิบัติธรรม จะมีองค์พระมหากัสสปะเป็นผู้มาชี้แนะแนวทางให้ท่านครับ องค์อาเซียนหัวตะเข้ ปี2521 ท่านเป็นผู้ปฏิบัติธรรม ที่สำเร็จฌาณสมาบัติขั้นสูง แต่กินเจกินผัดตลอดชีวิต และได้มรณะไปนาน หลายสิบปีแล้ว แต่ความศักดิ์สิทธิ์ยังมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง องค์อาเซียนปี2521 หลวงปู่โต๊ะท่านปลุกเสกและเป็นเจ้าพิธีครับ