วัดใจ 20 บ. ได้แค่ไหนเอาแค่นั้นครับ...สวยเสมาใหญ่เนื้อนวะ ครบรอบ 85 หลวงปู่แผ้ว เช่ามา 2500 วัดใจไปเลยครับเหรียญประสบการณ์ ทางเว็บยังไม่แก้ไขชื่อบัญชีไห้ ชื่อบัญชี นายสมพงษ์ สีสันต์ น่ะครับขอบคุณครับ ธนาคาร : กรุงไทย สาขา : บิ๊กเจียง หนองคาย เลขบัญชี : 496-0-22909-8 ชื่อบัญชี นาย สมพงษ์ สีสันต์ รบกวนท่านที่ชนะการประมูลโอน ภายในเ 7 วันน่ะครับ กรณีออกบัตร ประมูล 5000 ออกบัตรไห้ครับ แต่รับประกันแท้ตลอดชืพครับ กรณี้พระไม่แท้ยินดีคืนเงินเต็มจำนวนครับ 0619409708 0831405292
ธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติฯ ฉบับราคา 50 บาท ถูกพิมพ์ออกมาในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เมื่อพ.ศ.2539 โดยโรงพิมพ์ธนบัตร ประเทศออสเตรเลีย และใช้เป็นธนบัตรหมุนเวียนด้วย ความพิเศษของธนบัตรที่ระลึกฉบับนี้คือเป็นธนบัตรแบบแรกที่ใช้วัสดุแผ่นพิมพ์เป็นโพลิเมอร์ (พลาสติกชนิดพิเศษ มีความเหนียว ทนทาน ฉีกขาดยาก ไม่ดูดซับกลิ่นและความชื้น ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ช่วยให้ธนบัตรมีอายุใช้งานนานขึ้น) ไม่ได้เป็นเนื้อกระดาษแบบที่เคยใช้ตามปกติในอดีต จึงเป็นความแปลกใหม่ในการใช้ธนบัตรของประเทศไทย ถือว่าเป็นการทดลองใช้ธนบัตรหมุนเวียนโพลิเมอร์เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ต่อมาในปี พ.ศ.2540 ได้จัดพิมพ์ธนบัตรชนิดราคา 50 บาท แบบที่ 15 รุ่น 1 เป็นโพลิเมอร์ออกมา (ประกาศใช้ วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ.2540) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์แห่งพระราชวงศ์จักรีที่ทรงพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ จัดเป็นธนบัตรหมุนเวียนแบบแรกที่ใช้วัสดุแผ่นพิมพ์เป็นโพลิเมอร์ ไม่ได้เป็นเนื้อกระดาษแบบที่เคยใช้ตามปกติในอดีต ถือว่าเป็นการใช้ธนบัตรโพลิเมอร์เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ออกใช้ วันที่ 18 สิงหาคม 2540 แต่ใช้อยู่ไม่นานก็มีการออกธนบัตรชนิดราคา 50 บาท รุ่น2 ออกมาโดยมีลวดลายทั้งด้านหน้าและด้านหลังคล้ายกับรุ่นที่ 1 แต่แตกต่างกันเล็กน้อยบริเวณลวดลายบางส่วนบนธนบัตรและลายน้ำ รูปพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มีขนาดใหญ่ขึ้น ที่สำคัญคือมีการเปลี่ยนวัสดุที่ใช้พิมพ์ธนบัตรกลับไปเป็นกระดาษอย่างเดิม ธนบัตรชนิดราคา 50 บาท แบบที่ 15 รุ่น 1 สภาพใหม่ สวยมาก ไม่ผ่านการใช้ ไม่มีรอยยับ ชำรุด ฉีกขาด ธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติ 50 ปี สภาพใหม่ ไม่ผ่านการใช้ แต่มีรอยพับจางๆอยู่กลางใบ และมีรูเล็กๆอยู่ 2 รู (ตามที่ลูกศรชี้ในภาพ กรุณาพิจาณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจกดประมูลนะคะ) รหัส #6294
เคาะเดียวแดง กดVหลังชื่อ กรรณิกา ยังมีพระราคาไม่แพงอีกมาก(โอนแล้วช่วยแจ้งด้วยครับ)
เหรียญพระพุทธจักรพรรดิ์ทรงครุฑ หลวงปู่กาหลงเขี้ยวแก้ว กฐินปี๒๕๕๑ เนื้อนวโลหะ ตอกโค้ด หมายเลข ๔๓๑ เหรียญขนาดเล็กสวยมากๆครับ รับประกันพระแท้ตามกฎ ส่งพระตามรูปแน่นอนครับ ผู้ชนะการประมูลโอนเงินแล้วกรุณาแจ้งทางกล่องข้อความหรือโทรแจ้ง เพื่อไม่ให้การจัดส่งล่าช้าครับ
วัดใจ ! เหรียญ "พระนเรศวรมหาราช" ยืนทรงช้างสามเศียร ปราบอริราชศัตรูพ่าย ( ทองแดงขัดเงา ) ของ ดีจากในวัง ! อีกเหรียญหนึ่งที่ผมภูมิใจนำเสนอ เหรียญยืน "สมเด็จพระนเรศวรมหาราช" มหายันต์ ปราบอริราชศัตรูพ่าย หลังนารายทรงครุฑ สร้างในวัง ปลุกเสกพิธีใหญ่ในจังหวัดอยุธยา (พิธีใหญ่สุดในรอบ 50 ปี ) ณ บริเวณศาลพระเจ้านเรศวรมหาราช ปี 2549 และปลุกเสกอีกครั้งโดยพระสายวัง สร้างแจกทหาร 3 ชายแดนภาคใต้ส่วนหนึ่ง ที่เหลืออยู่ในวังหมด ..... แถมบล็อคถูกทำลายทิ้งแล้วด้วย เป็นเหรียญประสบการณ์ที่ใครมีต่างก็หวงแหน ก่อนแจกลองกันจะจะ กระสุนด้านครับ วันนี้เอามาวัดใจ ! ให้รู้กันไปครับ ของดีมีน้อย สภาพสวยอย่างนี้ ราคาแบบนี้ ไม่เคาะไม่ได้แล้วครับ ( เหรียญมีขนาด 3 x 3.8 ซ.ม. เนื้อทองแดง ขัดเงา สภาพเดิม ๆ ไม่ผ่านการใช้ ) หายากมาก ๆ ตอนนี้ตามสนามพระเปิดราคาเหรียญละไม่ต่ำ กว่า 1,500 บาท ถ้า ตามศูนย์พระก็ต้องมีแบงค์พัน 2 ใบขึ้นไปนะครับ ... ก็แน่ล่ะครับ เป็นของจากในวังนี่ ... เหรียญนี้ ราคานี้ ไม่มีใครเขาขายกันหรอกครับ...จะบอกให้ รู้แล้วรีบเก็บครับ ก่อนจะหายากไปกว่านี้ .... คำเตือน : ได้มาไม่กี่เหรียญ ไม่เคาะเก็บไว้ พลาดไปแล้วจะเสียใจนะครับ
พระสภาพสวย ฟอร์มดี เนื้อพระสีน้ำตาลเข้มๆๆครับ ผิวเดิมๆไขว่านลอยตามผิวพระครับ น่าเก็บมากครับ พิธีดีมากอาจารย์ทิม,หลวงพ่อคล้ายท่านร่วมปลุกเสกด้วยครับ ส่งออกบัตรรับรองเรียบร้อยแล้วครับ รับประกันตามกฏครับ
พระธรรมมุนี หรือหลวงพ่อแพ เขมังกโร มีนามเดิมว่า "แพ ใจมั่นคง" เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๔๘ ตรงกับขึ้น ๒ ค่ำ เดือนยี่ ปีมะเส็ง ณ บ้านสวนกล้วย เลขที่ ๙๓/๓ หมู่ที่ ๓ ตำบลพิกุลทอง อำเภอท่าช้าง จังหวัดสิงห์บุรี บิดาชื่อ นายเทียน ใจมั่นคง มารดาชื่อ นางหน่าย ใจมั่นคง มีพี่น้องร่วมสายโลหิต ๔ คน ท่านเป็นบุตรคนสุดท้อง เมื่ออายุได้ ๘ เดือน มารดาผู้ให้กำเนิดได้ถึงแก่กรรม ดังนั้น นายบุญ และนางเพียร ขำวิบูลย์ สามีภรรยา ซึ่งมีศักดิ์เป็นอา ได้ขอเด็กชายน้อยๆ ที่มีอายุเพียง ๘ เดือน จากนายเทียน ใจมั่นคง บิดาผู้บังเกิดเกล้า โดยรับอุปการะเป็นบุตรบุญธรรม ต่อมาปี พ.ศ.๒๔๖๓ เมื่อศึกษาหาความรู้จนอายุได้ ๑๖ ปี ก็ได้เดินทางกลับบ้านเกิด เพื่อเยี่ยมบิดาผู้ให้กำเนิดและบิดามารดาบุญธรรม ของท่านเห็นว่าท่านโตแล้ว จึงได้ร่วมบรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๓ ณ วัดพิกุลทอง ตำบลพิกุลทอง อำเภอท่าช้าง จังหวัดสิงห์บุรี โดยมีพระอธิการพัน จันทสโร เจ้าอาวาสวัดพิกุลทอง เป็นพระอุปัชฌาย์ สามเณรเปรียญแพ ขำวิบูลย์ ได้ทำการอุปสมบทเมื่ออายุครบ ๒๑ ปีบริบูรณ์ ในวันขึ้น ๖ ค่ำ ปีขาล ตรงกับวันพุธที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๙ ณ พระอุโบสถวัดพิกุลทอง โดยมีพระมงคลทิพย์มุนี เจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิ์ราชาวาส กรุงเทพฯ เป็นพระอุปัชฌาย์, ท่านพระครูสิทธิเดช วัดชนะสงคราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และท่านเจ้าอธิการอ่อน วัดจำปาทอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ""เขมังกโร"" แปลว่า ผู้ทำความเกษม พ.ศ.๒๕๓๙ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นกรณีพิเศษ วันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๓๙ ในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์ครบ ๕๐ ปี (พระราชพิธีกาจญนาภิเษก) ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ที่ พระธรรมมุนี ในระยะหลัง หลวงพ่อได้งดรับกิจนิมนต์ โดยคำแนะนำจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิงห์บุรี เนื่องจากไม่สามารถพยุงตัวเองได้ รวมทั้งมีโรคประจำตัว คือ เบาหวาน และโรคชรา จนกระทั่งเมื่อวันพุธที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๒ ท่านได้ละสังขารอย่างสงบ ณ ห้อง ๙๐๑ ชั้น ๙ อาคารหลวงพ่อแพ เขมังกโร ๙๔ ปี โรงพยาบาลสิงห์บุรี สิริอายุรวม ๙๔ พรรษา ๗๓ วัตถุมงคลทุกรุ่นของท่าน พุทธคุณเด่นในด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัย น่าบูชามากๆ เพราะเป็นรุ่นแรกๆของท่าน อนาคตราคาคงไกลกว่านี้มาก เพราะหายากมากขึ้นทุกทีค่ะ
การสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อแพนั้น ท่านมิได้เน้นเรื่องความสวยงาม หากแต่เน้นไปในเรื่องของความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคลนั้น ๆ โดยท่านจะพิถีพิถันในการปลุกเสก ทั้งวิชาอาคม ทั้งอำนาจจิต เพื่อให้เกิดความแคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง และด้วยพลังบริสุทธิ์ดังกล่าว จึงทำให้วัตถุมงคลของหลวงพ่อแพรุ่นต่าง ๆ มีประสบการณ์อภินิหารมากมาย สืบสานยาวนานมาจนทุกวันนี้ ในปี พ.ศ. ๒๔๙๔ หลวงพ่อแพได้สร้างพระสมเด็จเนื้อผงรุ่นหนึ่งขึ้นมาหลายพิมพ์ กล่าวกันว่า พระสมเด็จที่หลวงพ่อแพสร้างขึ้น มีอานุภาพด้านพุทธคุณ ไม่ได้เป็นรองพระสมเด็จของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง แม้แต่น้อย ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากหลวงพ่อแพท่านมีศรัทธาในสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง เป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ หลวงพ่อแพจึงได้สร้างพระสมเด็จขึ้น โดยยึดถือแนวทางการสร้างวัตถุมงคลชุดพระสมเด็จของสมเด็จโตเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหลักใหญ่หลวงพ่อแพท่านได้ลบผง เรียกว่า ผงวิเศษห้าประการ เป็นผงหลักในการสร้างพระสมเด็จ คือ ผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงมหาราช ผงตรีนิสิงเห และ ผงพุทธคุณ โดยเฉพาะผงพุทธคุณนั้น ท่านเขียนและลบด้วยพระคาถาชินบัญชร เพื่อใช้เป็นส่วนผสมอีกด้วย นอกจากผงวิเศษห้าประการแล้ว ยังมีผงอื่น ๆ เป็นส่วนประกอบ เช่น ผงบดจากหนังสือ ๗ ตำนาน, ผงยันต์ในคัมภีร์ต่าง ๆ เป็นต้น ในการทำผงแต่ละอย่างนั้น มีเคล็ดลับที่หลวงพ่อแพถือปฏิบัติคือ รักษาความสะอาดบริสุทธิ์ทั้งภายในและภายนอก, ตั้งจิตสงบเป็นสมาธิจดจ่ออยู่กับคาถาอาคม และอักขระต่าง ๆ โดยเฉพาะการบริกรรมภาวนา ต้องแม่นยำ ไม่ผิดพลาด ด้วยเหตุนี้ พระสมเด็จที่หลวงพ่อแพจัดสร้างขึ้น จึงมีพุทธานุภาพทรงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เยี่ยมยอดทุกรุ่น ทุกแบบพิมพ์ หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง ท่านสร้างพระไว้มาก ถ้าจะประเมินกันอย่างคร่าว ๆ ก็คงไม่ต่ำกว่า ๓๐๐ แบบพิมพ์เป็นอย่างต่ำ แต่ที่นิยมแพร่หลายนั้น ส่วนมากจะเป็นเนื้อผง เช่น พระสมเด็จ พระนางพญา พระรอด พระปิดตา พระลีลาทุ่งเศรษฐี พระสิวลี พระสังกัจจายน์ พระขุนแผน พระผงรูปเหมือน นางกวัก ฯลฯ ซึ่งลูกศิษย์ลูกหา ญาติโยม ต่างก็เชื่อว่า มีพุทธคุณในด้านเมตตามหานิยม, แคล้วคลาด อุดมด้วยลาภผล โภคทรัพย์พูลทวี ซึ่งก็คือ คำอวยพรของท่าน หลวงพ่อแพ ท่านมักจะอวยพรแก่ทุกคนที่ไปกราบท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทุกวันอาทิตย์แรกของทุกเดือน ท่านจะไม่รับนิมนต์ไปนอกวัด จะอยู่ที่วัดเพื่อต้อนรับศรัทธาญาติโยม ที่บางท่านก็เดินทางมาไกล เพื่อที่จะได้มีโอกาสกราบท่าน รับวัตถุมงคลจากมือของท่าน แล้วท่านก็จะอวยพรว่า ขอให้รวยขอให้รวย อาจเป็นเพราะท่านเป็นพระปรารถนาให้ทุกคนมีความสุข เป็นเรื่องสุดยอดแห่งความดี อักขระเลขยันต์หลังองค์พระ ก็เป็นเสมือนคำอวยพรของท่าน เพื่อที่เราจะได้ระลึกถึงท่านที่สร้างสมแต่บุญกุศล หรือความดีงามมาตลอดชีวิต เป็นเพชรเม็ดงามที่สดใสและแข็งแกร่ง ใสสะอาดและบริสุทธิ์ เช่นเดียวกับพระอาจารย์ธรรมโชติ แห่งบ้านบางระจัน ซึ่งชาวสิงห์บุรี เคารพรักและภาคภูมิใจ ราวกับท่านคือ จิตวิญญาณของชาวสิงห์บุรีทั้งหมด พระผงที่มีเนื้อหาจัดที่สุด ฝีมือปราณีตที่สุด และมีราคาแพงมากที่สุดของท่าน คือ พระสมเด็จแพพัน ที่สร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๐ คำว่า แพพัน นั้น ปรากฎที่ด้านหลังองค์พระ อยู่ชิดขอบองค์พระด้านล่าง ใต้รูปเหมือนของท่านที่หันไปทางด้านซ้ายมือของเราทุกรุ่น โดยมีคำว่า “แพ” อยู่ด้านซ้าย และคำว่า “พัน” อยู่ด้านขวา คำว่า “แพ” หมายถึง “หลวงพ่อแพ” ส่วนคำว่า “พัน” นั้น หมายถึง “หลวงพ่อพัน” หรือ “พระอธิการพัน” เจ้าอาวาสวัดพิกุลทององค์ก่อน เป็นพระอาจารย์ที่บวชเณรให้กับท่าน เป็นผู้ที่ท่านรักและ เคารพนับถือประดุจบิดา ขอบบนสุด เหนือรูปเหมือน ที่อยู่ด้านซ้ายมือของเรา จะเป็นอักขระตัว “พุทซ้อน” ที่ท่านได้รับการถ่ายทอดมาจากพระครูใบฎีกาเกลี้ยง วัดสุทัศน์ ส่วนขอบบนสุดด้านขวา จะเป็นอักขระตัว “อัง” และมีตัว “อุ” อยู่เหนือตัว “อัง” ด้านหน้าของพระสมเด็จแพพัน จะเป็นพระสมเด็จพิมพ์อกครุฑเศียรบาตร หรือ ทรงไกเซอร์ ซึ่งต่อมารูปแบบพระสมเด็จที่สร้างในภายหลัง คือ แพ ๒ พัน, แพ ๓ พัน ...๔ พัน....๕ พัน...๗ พัน....๙ พัน..จะยึดเอกลักษณ์พิมพ์ทรงเดียวกันทั้งด้านหน้าและหลัง จะต่างกันที่ตัวเลขที่อยู่ตรงกลางใต้รูปเหมือน ระหว่างคำว่า “แพ” กับ “พัน” และเนื้อหามวลสารเท่านั้น ส่วนพระสมเด็จพิมพ์อื่น ๆ ก็มีมากมายหลายพิมพ์ เช่น พิมพ์ใหญ่, พิมพ์ทรงเจดีย์, พิมพ์ปรกโพธิ์, พิมพ์ฐานสิงห์,พิมพ์ฐานแซม ฯลฯ ซึ่งด้านหลังจะมีอักขระเลขยันต์ที่ต่างกันไป แต่แทบทุกรุ่น จะต้องมีอักขระ ๒ ตัว คือ ตัวพุทซ้อน และ ตัว “อัง” “อุ” อยู่ด้วยเสมอ ถือเป็นอักขระทีเป็นเอกลักษณ์ของท่านก็ย่อมได้ สำหรับพระสมเด็จแพพันนั้น หากมองด้วยตาเปล่า สีสันวรรณะขององค์พระจะออกเป็นสีขาวหม่นเล็กน้อย แต่ถ้าส่องกล้องดู จะเห็นรูพรุนเท่า หรือเล็กกว่าปลายเข็มอยู่ทั่วองค์พระ ซึ่งเกิดจากการยุบตัว หรือ การหดตัวของผิวพระที่มีอายุการสร้างมากกว่า ๔๐ ปี และสิ่งที่ควรระวังก็คือ ในภายหลังได้มีการสร้างพระสมเด็จแพพันขึ้นมาอีก แต่ต่างกันที่เนื้อหามวลสาร อย่างเช่น พระสมเด็จแพพัน ปี ๒๕๑๖ เนื้อแร่ธาตุดำ เนื้อแร่ธาตุแดง เป็นต้น วัตถุมงคลของท่าน แม้จะสร้างเป็นจำนวนมาก หลายรุ่น หลายแบบ ตลอดระยะเวลากว่า ๖๐ ปี ที่ท่านได้สร้างเอาไว้ ก็หาได้เพียงพอกับความต้องการของสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาไม่ ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านเริ่มหายาก และมีราคาแพงขึ้นทุกวัน จึงเป็นโอกาสอันดีที่พวกปลอมแปลงพระ ได้ทำของปลอม ของเลียนแบบ ออกมาจำหน่าย และใช่ว่าจะมีมาในช่วงที่ท่านมรณภาพก็หาไม่ มันมีมาตั้งแต่สมัยท่านมีชีวิตอยู่แล้ว พอมันรู้ว่ารุ่นไหนดัง รุ่นไหนได้รับความนิยม มันก็จะทำการปลอมแปลง เลียนแบบทันที ทั้ง ๆ ที่ของบางอย่างที่วัดยังมีอยู่เลย หลวงพ่อแพท่านจึงปกาศิตเอาไว้ว่า “ของแท้ ของดี ต้องมีที่วัดเท่านั้น” จะพบว่า วัตถุมงคลของท่านที่สร้างแต่ละรุ่น แต่ละแบบในระยะแรก ๆ นั้น ไม่ได้มีการโฆษณาตามหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อมวลชน แต่ก็หมดไปจากวัดทุกรุ่น แม้บางรุ่นจะอยู่ที่วัดนานเป็นสิบปีก็ตาม