เยี่ยมมากครับ
สมาชิกคุณภาพครับ
สุดยอดสมาชิกคุณภาพ ระดับVIPครับ ซื้อจริง โอนไว เชื่อถือได้ครับ จัดส่งแล้วครับพัศดุหมายเลข er107621537TH ขอบพระคุณอย่างสูงที่ให้กำลังใจครับท่าน ขอให้รวยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆครับท่าน
เครดิตดีเยี่ยม โอนไวมากครับ...ER287742931TH
(โปรดอ่านครับ) *****การจัดส่งสินค้า***** ขอส่งของเฉพาะ วันเสาร์ นะครับ วันธรรมดา ทำงานครับ ขอบคุณมากครับ ******************************************* -ถ้าประมูล กี่รายการก็ได้ยอดรวม100บาทขึ้นไป ส่งลงทะเบียนให้ฟรีครับ -ถ้ายอดรวมไม่ถึง 100 บาท แต่จะให้ส่ง แบบลงทะเบียน ขอเพิ่มค่าส่ง 20 บาทครับ //ติดต่อ T.0868855670 กิต// ขอบคุณครับ
(โปรดอ่านครับ) *****การจัดส่งสินค้า***** ขอส่งของเฉพาะ วันเสาร์ นะครับ วันธรรมดา ทำงานครับ ขอบคุณมากครับ ******************************************* -ถ้าประมูล กี่รายการก็ได้ยอดรวม100บาทขึ้นไป ส่งลงทะเบียนให้ฟรีครับ -ถ้ายอดรวมไม่ถึง 100 บาท แต่จะให้ส่ง แบบลงทะเบียน ขอเพิ่มค่าส่ง 20 บาทครับ //ติดต่อ T.0868855670 กิต// ขอบคุณครับ
พระเทพวิมลญาณ มีนามเดิมว่า ถาวร วงศ์มาลัย เกิดเมื่อวันอังคารที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2495 ตรงกับวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 4 ปีมะโรง ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านโนนศิลาเลิง ตำบลหนองแปน อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นบุตรของนายโส-นางศรีทา นาชัยเพชร โยมมารดาเสียชีวิตเมื่อคลอดท่าน นายนิ่ง-นางพั้ว วงศ์มาลัย จึงรับท่านไปอุปการะเป็นบุตรบุญธรรม[2] เมื่ออายุได้ 8 ปี ท่านได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนโนนศิลาราษฎร์ผดุง (ปัจจุบันคือโรงเรียนโนนศิลาสว่างวิทย์) จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จึงมาช่วยมารดาบิดาทำเกษตรกรรมเป็นเวลา 3 ปี[3] อุปสมบท พ.ศ. 2509 ขณะอายุได้ 14 ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดบ้านปอแดง อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมีพระราชธรรมานุวัตร (อ่อน จกฺกธมฺโม) วัดประชานิยม ซึ่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธรรมยุต) ในขณะนั้น เป็นพระอุปัชฌาย์ แล้วไปจำพรรษาอยู่กับพระครูวิจิตรบุญญาภรณ์ (บุญเคน จิตฺตปุญฺโญ) ซึ่งเป็นน้องชายของโยมแม่ศรีทา ที่วัดสำโรงยุทธาวาส จังหวัดอุดรธานี จนถึงปี พ.ศ. 2510 จึงย้ายไปศึกษาพระปริยัติธรรมและปฏิบัติธรรมที่วัดโพธิสมภรณ์ ในช่วงนี้ท่านได้อยู่อุปฐากพระเทพเมธาจารย์ (จันทร์ศรี จนฺททีโป) นานถึง 6 ปี[4] ต่อมาท่านย้ายไปจำพรรษา ณ วัดปทุมวนาราม และได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในปี พ.ศ. 2516 โดยมีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสาโร) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระเทพมงคลปัญญาจารย์ (บุญมั่น มนฺตาสโย) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระญาณรักขิต (สายหยุด ปญฺญาสาโร) เป็นพระอนุสาวนาจารย์[5] การศึกษา หลังจากบรรพชาอุปสมบทแล้ว ท่านได้จบการศึกษาต่างและได้รับปริญญากิตติมศักดิ์ดังนี้ดังนี้[6] พ.ศ. 2512 สอบได้นักธรรมชั้นเอก พ.ศ. 2519 สอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค จากสำนักเรียนวัดปทุมวนาราม พ.ศ. 2520 จบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จากศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนวัดสัมพันธวงศ์ พ.ศ. 2524 จบชั้นปริญญาตรี หลักสูตรอักษรศาสตรบัณฑิต (ภาษาสันสกฤตและภาษาฮินดี) มหาวิทยาลัยสัมปูรณานันท์ สันสกฤต ประเทศอินเดีย พ.ศ. 2534 ได้รับปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง พ.ศ. 2451 ได้รับปริญญาศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาพุทธศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย พ.ศ. 2453 ได้รับปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการบริหารการศึกษา จากมหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ ปฏิบัติธรรม นอกจากศึกษาพระปริยัติธรรมแล้ว ท่านยังปฏิบัติธรรมกับครูบาอาจารย์หลายรูปในสายพระป่าของพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต เช่น หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่ฝั้น อาจาโร พระธรรมวิสุทธิมงคล (บัว ญาณสมฺปนฺโน) พระราชมุนี (โฮม โสภโณ)[7] ในพรรษาที่ 8 ท่านได้ตั้งปณิธานว่าจะไม่ลาสิกขาบท และอุทิศชีวิตต่อพระรัตนตรัย จากนั้นท่านจึงจาริกไปถ้ำสระแก้ว เขาฉกรรจ์ จังหวัดสระแก้ว ตั้งใจบำเพ็ญเพียรอย่างอุกฤษฏ์โดยทำสมาธิ และไม่ฉันภัตตาหารและไม่พูดจาตลอด 7 วัน คือตั้งแต่เวลา 21.30 น. ของวันที่ 1 กรกฎาคม ถึงเวลา 10.00 น. ของวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2523 ท่านได้บันทึกผลการปฏิบัติไว้ว่า ได้ในสิ่งที่ไม่เคยได้ เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น เกิดปีติเอิมอิ่ม จิตใจชุ่มชื่นเบิกบานเย็นสบาย จิตมีอำนาจ — หลวงพ่อถาวร สมณศักดิ์ ธันวาคม พ.ศ. 2532 เป็นพระครูสัญญาบัตรฐานานุกรมในสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (สนั่น จนฺทปชฺโชโต) ที่ พระครูปลัดสัมพิพัฒนเมธาจารย์ ศาสนภารธุราทร ธรรมยุติกคณิสสร สังฆานุนายก 5 ธันวาคม พ.ศ. 2536 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่ พระภาวนาพิสาลเถร[8] 5 ธันวาคม พ.ศ. 2538 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่ พระพิสาลพัฒนาทร[9] 5 ธันวาคม พ.ศ. 2546 เป็นพระราชาคณะชั้นราช ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่ พระราชพิพัฒนาทร บวรศาสนกิจ ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี[10] 5 ธันวาคม พ.ศ. 2555 เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่ พระเทพวิมลญาณ สีลาจารดิลก สาธกวิปัสสนาธุราทร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี[11] มรณภาพ พระเทพวิมลญาณ มรณภาพเนื่องจากเลือดออกในสมอง ณ โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 01.19 น. สิริอายุได้ 63 ปี 228 วัน พรรษา 42 ศพตั้งบำเพ็ญกุศล ณ ศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนาราม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงรับศพไว้ในพระบราราชานุเคราะห์ 7 วัน มีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมเวลากลางคืน มีกำหนด 7 คืน
พระกริ่งวัดไผ่ล้อม อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ได้รับการปลุกเสกจากหลวง ปู่ทิม อิสริโก..พระเครื่องวัดไผ่ล้อม รุ่นนี้.. หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ระยองท่าน เป็นเจ้าพิธีด้วยครับ ปลุกเสก ปี พ.ศ.2513 เพื่อแจกเป็นที่ระลึกในงานผูกพัทธสีมาของวัดไผ่ล้อมในปี พ.ศ.2514..มีพิธีปลุกเสกเป็นพิธีเสาร์5 วันที่ 22 สิงหาคม 2513 จนถึงวันที่ 5 กันยายน 2513 ซึ่งตรงกับวันเสาร์ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 10 ปีจอ รวม 15 คืน ส่วนมวลสารที่มาในการสร้างขึ้นเป็นองค์พระ ทางวัดไผ่ล้อม มีการเริ่มสะสมมวลสำคัญที่จะนำมาใช้ทำเป็นองค์พระมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2508 อาทิเช่นดินจากกรุต่างๆโดยเฉพาะดินจากลานกรุทุ่งเศรษฐี ,ว่านนานาชนิด มีทั้งว่านประเภทคงกระพันชาตรี, เมตตามหานิยม, ป้องกันสัตว์ร้ายเขี้ยวงาทุกชนิด, แร่ธาตุต่างๆหลายชนิด,อีกทั้งยังได้เก็บรวบรวมผงพระเครื่องต่างๆทุกยุคทุก สมัยที่ชำรุด มีสมัยเชียงแสน, สุโขทัย, อู่ทอง, ลพบุรี, พิจิตร, พิษณุโลก, กำแพงเพชร, สุพรรณบุรี, อยุธยา,รัตนโกสินทร์, ผงพระ 25 พุทธศตวรรษ ส่วนผงวิเศษต่างๆที่เก็บสะสมไว้อีกมากมายนับได้ว่าเป็นพระเครื่องชุดวัตถุ มงคลที่หลวงปู่ทิม ท่านได้เมตาตาปลุกเสกให้ไว้เป็นอย่างดี เพื่อเป็นการอุปถัมภ์ให้กับทางวัดได้มีปัจจัยไปบูรณะปฎิสังขรณ์ เสนาสนะต่างๆภายในวัดอีกด้วย..ใช้แทนกริ่งชินบัญชรได้เลย พระเครื่องวัด ไผ่ล้อม อ.บ้านค่าย จ.ระยอง หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ระยอง เป็นเจ้าพิธีปลุกเสก ปี พ.ศ.2513 และเมตตาปลุกเสกให้ถึง 2 ครั้ง เพื่อแจกเป็นที่ระลึกในงานผูกพัทธสีมาของวัดไผ่ล้อมในปี พ.ศ.2514ในครั้งเริ่มแรก พระอาจารย์จำปี วิปุโล(จำรัสแสง) ได้รับมอบหมายจาก พระอาจารย์พูน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ต.บ้านค่าย อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ให้เริ่มทำการสะสมว่านนานาชนิด มีทั้งว่านประเภทคงกระพันชาตรี, เมตตามหานิยม, ป้องกันสัตว์ร้ายเขี้ยวงาทุกชนิด แร่ธาตุต่างๆหลายชนิด มีแร่บังขนิฏสีเขียว, สีดำ, สีมันปู, แร่ดอกมะขาม จ.กาญจนบุรี, แร่พลวงเงิน, แร่พลวงทอง, พลอยจันทบุรี สีนิล, ชินปรอทสังฆวานร, โมราท้องรุ้ง, เสาตะลุงช้างเผือก, กระดูกหัวกะโหลกช้างทรง, เพชรน้ำค้าง, ศิลาน้ำค้าง, เหล็กทรหด, เหล็กน้ำพี้,เหล็กยอดเจดีย์, สัมฤทธิ์, ข้าวตอกพระร่วง, ข้าวสุกลอยน้ำ, ข้าวสารดำ, ข้าวรอดเพชรหลีก, ไคลประตูเมือง,ไคลเจดีย์,ไคลเสมา9 แห่ง, ดินโป่ง 9 โป่ง 9 สี, ดินบริสุทธิ์ กลางมหาสมุทร, ดินกรุซุ้มกอทุ่งเศรษฐี เมืองกำแพงเพชร, ดินกรุสุโขทัย, ดินกรุอยุธยา, ดินท่า 9 ท่า, อีกทั้งยังได้เก็บรวบรวมผงพระเครื่องต่างๆทุกยุคทุกสมัยที่ชำรุด มีสมัยเชียงแสน, สุโขทัย, อู่ทอง, ลพบุรี, พิจิตร, พิษณุโลก, กำแพงเพชร, สุพรรณบุรี, อยุธยา,รัตนโกสินทร์, ผงพระ 25 พุทธศตวรรษ ส่วนผงวิเศษ ต่างๆที่เก็บสะสมไว้อีกมากมาย เช่นผงปฐมอักขระ,ผงไตรสรณาคม, ผงพระพุทธคุณ, พระธรรมคุณ, พระสังฆคุณ, ผงพระเจ้า ห้าพระองค์, ผงพระเจ้า 16 พระองค์, ผงตรีนิสิงเห, ผงอิทธิเจ, ผงปถมัง, ผงมหาราช, ผงสังตโลก, ผงมหาอุตม์หลวงพ่อวงศ์, ผงพระเกสรหลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย, ผงพระสมเด็จวัดระฆังที่หลวงปู่นาคมอบให้, ผงเก่าและสีผึ้งเขียว ของหลวงปู่ทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง ระยอง, ผงหลวงพ่อเพ่ง วัดละหารใหญ่ ระยอง, ผงพญางิ้วดำ, กาฝาก, กาหลง, กาฝากรักซ้อน, กาฝากมะยม, กาฝากมะรุม, กาฝากมะขาม, กาฝากมะนาว, กาฝากลั่นทม, เถาวัลย์หลง, เครือสาวหลง, ว่านสาวหลง, ไม้รู้นอนเก้าอย่าง, ยอดรัก, ยอดสวาท, กัลปังหา, ทรายเงิน, ทรายทอง, ว่าน 108, เกสรดอกไม้108, น้ำมนต์บ่อขุนไกรอันศักดิ์สิทธิ์ จึงได้นำมาผสมสร้างเป็นองค์พระก่อนที่จะเริ่มกดพิมพ์พระ ได้ทำพิธีบวงสรวงเทพเทวา ครูบาอาจารย์เสร็จแล้วจึงกดพิมพ์เป็นปฐมฤกษ์ โดยพระอาจารย์จำปี วิปุโล เมื่อวันเสาร์ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ปีระกา ตรงกับวันที่ 22 มีนาคม 2512 เวลา 09.09 น.ในราศีเมษ มหัทธโนแห่งฤกษ์ คือฤกษ์ที่มั่งคั่งสมบูรณ์ไปด้วยทรัพย์สินเงินทองและเทพเทวารักษาดีเมื่อ พิมพ์พระเสร็จแล้ว ก็ได้ทำพิธีปลุกเสก โดยพระอาจารย์จำปี วิปุโล ได้นิมนต์พระภิกษุภายในวัดมาร่วมสวดบริกรรมพระปริต มีพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณพระ 5 รูปสวดพระธรรมจักร 108 ตลอดคืน รวม 15 คืน เริ่มปลุกเสกเมื่อวันเสาร์แรม 5 ค่ำเดือน 9 อยู่ในพรรษา ตรงกับวันที่ 22 สิงหาคม 2513 จนถึงวันที่ 5 กันยายน 2513 ซึ่งตรงกับวันเสาร์ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 10 ปีจอ รวม 15 คืนเป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างมาก เพราะว่าการทำพิธีครั้งนี้ตรงกับวันเสาร์ 5 ทั้งหมด คือตั้งแต่เริ่มพิมพ์ เริ่มปลุกเสก และวันสุดท้ายที่ปลุกเสกเดี่ยว ก็ตรงกับวันเสาร์อีกเช่นกัน ที่น่าอัศจรรย์อีกอย่างก็คือเมื่อทำพิธีปลุกเสกถึงเวลาตีห้าดับเทียนชัย ได้มีฝนตกซู่ลงมาประมาณ 1 นาที แล้วก็หยุดตกซึ่งจะเป็นอย่างนี้ทุกคืนวัตถุมงคลที่จัดสร้างในครั้งนี้ได้ทำ พิธีปลุกเสกใหญ่อีกครั้งหนึ่งโดยนิมนต์พระคณาจารย์ที่มีอาคมขลังขมังเวท 9 รูป นั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสกตลอดคืน ดังมีรายนามดังต่อไปนี้หลวงปู่ทิม(พระครูภาวนาภิรัติ) วัดละหารไร่ จ.ระยอง, หลวงพ่อลัด(พระวิจิตร) วัดหนองกระบอก จ.ระยอง, หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า จ.ระยอง, หลวงพ่อโต่ง วัดบ้านเพ จ.ระยอง, หลวงพ่อรวย วัดท่าเรือ จ.ระยอง, หลวงพ่อหอม วัดชากหมากป่าเรไร จ.ระยอง, หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จ.จันทบุรี, หลวงพ่อสมชาย วัดแม่นางปลื้ม จ.อยุธยา, หลวงพ่อสละ วัดประดู่ทรงธรรม จ.อยุธยามีสิ่งที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมากในการปลุกเสกพระเครื่องครั้งนี้ คือ ขณะที่หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ นั่งบริกรรมภาวนาอยู่นั้น ช่างภาพถ่ายรูปไม่ติด คือแฟลชไม่ขึ้น ถ่ายอยู่หลายครั้งก็ไม่สำเร็จผล ต้องขออนุญาตท่านก่อนจึงได้ถ่ายติด ในระหว่างที่หลวงปู่ทิม นั่งบริกรรมภาวนาอยู่นั้น ถ้าท่านหลับตาลงครั้งใด ไฟฟ้าจะดับทันที เป็นอย่างนี้ถึง ๓ ครั้ง ดังนั้นท่านจึงต้องบริกรรมภาวนาลืมตาตลอดคืน ไม่ได้พักเลย จนกว่าเสร็จพิธีคือสว่าง (ในวันที่ทำพิธีปลุกเสกนั้นได้เริ่มพิธีตั้งแต่ 18.00 น.จนถึง 22.00 น. หลังจากนั้นพระเกจิอาจารย์ทั้งแปดรูปก็ได้กลับวัด เหลือแต่หลวงปู่ทิมที่ยังไม่ได้กลับ หลังจากนั่งพักผ่อนไม่นาน หลวงปู่ทิมจึงได้ก้าวขึ้นไปนั่งบนธรรมมาสน์อีกครั้ง ได้เริ่มนั่งปลุกเสกเดี่ยวต่อไป)
หลวงพ่อโต หลวงปู่ชู วัดนาคปรก เนื้อดิน หลังมีจาร กรุงเทพฯ ผู้ชนะการประมูลต้องการบัตรส่งพระออกบัตรเองครับ