ตั้งอยู่เหนือตัวตลาดบ้านหมี่ขึ้นไปเล็กน้อย ในตำบลเชียงงา อำเภอบ้านหมี่ วัดนี้คาดว่าคงจะสร้างขึ้นตั้งแต่ครั้งที่ชาวพวนได้อพยพมาตั้งหลักแหล่งที่ตำบลนี้ สถานที่น่าสนใจของวัดนี้คือเจดีย์เก่าองค์หนึ่ง ซึ่งลักษณะคล้ายกับเจดีย์ทางภาคเหนือของไทย คือ มีฐานย่อมุมซ้อนหลายชั้นองค์ระฆังเล็กสั้นแจ้ มีลวดลายรัดอกรอบองค์ระฆัง ไม่มีบัลลังก์ ปลียอดรูปดอกบัวทรงผอมสูง บนยอดสุดปักฉัตรโลหะปิดทองฉลุลาย เจดีย์ทรงมอญทั่วไป ฐานจะแผ่กว้างทรงแจ้ แต่เจดีย์ที่วัดเชียงงานี้ทรงชะลูดสูง ดูแปลกตา พุทธลักษณะของพระกรุวัดเชียงงานี้มีหลายพิมพ์ทรง ทั้งนั่ง - ยืน มีด้วยกันหลายปาง สำหรับเนื้อพระนั้นมีทั้งเนื้อตะกั่วสนิมแดง และเนื้อดิน ดังในรูปถ่ายที่ท่านเห็นมีขนาดกว้างประมาณ 2 ซม. สูง 4.7 ซม. ด้านหลังโดยมากจะมียันต์กดติดกับเนื้อพระดังในภาพแทบทุกองค์น้อยองค์ที่ไม่มี ส่วนพระเนื้อตะกั่วไม่มียันต์ด้านหลัง พระเนื้อดินจะมีดาบรักราที่มีจุดตกระคล้ายช้างเผือกคราบกรุและนวลดินบ่งบอกว่าระยะเวลาการสร้างที่แน่นอนและใกล้เคียงได้ พระกรุวัดเชียงงามีหลายปางและแต่ละปางชี้ให้เห้นถึงศิลปกรรมอยู่ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น อันเป็นงานศิลปแนวทางหนึ่ง ซึ่งเป็นสื่อที่เหมาะสมที่สุดในการโน้มน้าวจิตใจให้ผู้คนระลึกถึงสิ่งที่ดีงามปรับปรุงจิตใจให้ละเอียดอ่อนเป็นพื้นฐานแห่งการทำความดีความพยายามที่จะขัดเกลาจิตใจความรู้สึกนึกคิดให้สะอาดบริสุทธิ์ เป็นการยกระดับจิตใจคนในสังคมด้วยมาตรฐานทางศีลธรรม งานสร้างสรรค์ทางศิลป์ที่ปรากฏในรูปศิลปกรรมแขนงต่าง ๆ ยังเป็นสิ่งแสดงลักษณะวัฒนธรรมประจำชาติ สร้างสรรค์ทางปัญญา ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด จินตนาการ จิต วิญญาณ และการสังเกตของศิลปออกสู่สาธารณชน ด้วยฝีมือความชำนาญ บ่งบอกความเป็นตัวของตัวเองอย่างเด่นชัด พระกรุวัดเชียงงานี้ เป็นพระกรุหนึ่งซึ่งเชื่อกันว่าสร้างเมื่อประมาณต้นรัชกาลที่ 2 ถึงที่ 3 ฝีมือการแกะสลักของศิลปไทยในยุคต้นรัตนโกสินทร์ นับว่าเยี่ยมยอดทีเดียวลวดลายและทรวดทรงต่าง ๆ ขององค์พระและส่วนประกอบขององค์ศิลป อยู่ในขั้นใช้ได้ทีเดียว นี่เป็นความนึกคิดของผมคนเดียว ส่วนคนอื่นจะคิดจะนึกอย่างไรนั้นคงไม่มีปัญหา ความวิจิตรพิสดารในองค์พระ ถ้าเรามองดูให้ซึ้งก็จะทำให้เราบังเกิดความรู้สึกนึกคิดคล้ายภาพทิพย์ในสรวงสวรรค์ ซึ่งยังเน้นให้เห็นความมีชีวิตจิตใจขององค์ปฏิมาอย่างเด่นชัดยิ่งขึ้นด้วยลายเส้นขนานอันพวยพุ่งอ่อนหวาน อันเป็นรอยริ้วของพระหัตถ์ก็ดี พระโอษฐ์ก็ดี พระนาสิกก็ดี หรือเส้นขอบพระเนตรก็ดี หรือที่ฐานรองรับพระบาทก็ดีนั้น ล้วนมีส่วนสัมพันธ์กันเป็นอย่างดี หรือเรียกว่าเป้นการประยุกต์เข้าด้วยกันด้วยความเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง พระกรุวัดเชียงงา มีมากมายหลายพิมพ์ มีทั้งเนื้อดิน และเนื้อชิน เป็นพระศิลปะสกุลช่าง รัตนโกสินทร์ตอนต้นๆ (ร.3 พ.ศ.2367-2394) เคยพบพระที่วัดประยูรฯ กทม. พระกรุวัดเชียงงา ส่วนมากเป็นพระเนื้อดินเผา สีพิกุลแห้ง,สีแดง,สีอิฐเผา,สีเขียว,สีดำ,มีหลายสีด้วยกันสำหรับเนื้อนั้นละเอียดมากบางองค์ไม่ได้ใช้เลย แลดูคล้ายของใหม่ แต่บางองค์ใช้แล้ว เนื้อจะเนียนสนิท จะมีความมันจากรอยที่สึกขององค์พระ (เนื้อพระ) ทำให้แลดูละเอียดมากยิ่งขึ้น ความเป็นเงาและความมันจะปรากฎจากองค์พระที่ใช้เสียดสีกับผิวเนื้อของคนเราความเค็มจะทำให้พระเกิดความชุ่ม ทำให้เนื้อดินหนึกและนุ่ม ยากแก่การชี้ชัดว่าเป็นของเก่าหรือของใหม่ เรื่องพระเนื้อดินจึงดูยากกว่าพระเนื้อชินมาก จะอย่างไรก็ตามแต่ ประการสำคัญที่สุดในการดูพระทุกชนิด ต้องดูจากพิมพ์ทรง จุดสังเกตในแม่พิมพ์ ความสำคัญและส่วนต่าง ๆ ขององค์พระที่เราพึงสังเกตได้ง่ายและจำง่าย ๆ อย่าเป็นคนรั้นตำราอย่าตีค่าตัวเองฉันนี้แน่เพียงคนเดียว แล้วท่านจะเป็นผู้หนึ่งที่ดูพระและเล่นพระได้ไว (เป็นไว) เก่งเร็ว และถ้าได้เล่นกับเซียนใหญ่ ๆ ทุกระดับ แล้วจะได้รับความรู้มากยิ่งขึ้น ได้บอกแล้วว่า พระกรุวัดเชียงงานี้ มีทั้งพระสนิมแดงด้วย แม้แต่พระที่มีลักษณะคล้ายพระยอดธงยังมีเลยสนิมรึครับ แดงที่สุด บางองค์แดงเหมือนสีเทา และบางองค์ก็มีลักษณะคล้ายรูปพระพุทธนั่งมีฐานเป็นผ้าทิพย์เป็นพระตะกั่วสนิมแดงจัดเช่นกัน บางคนก็กล่าวว่าเป็นพระของหลวงปู่เนียมเข้าให้ ความจริงพระที่มีชื่อเสียงมักจะมีคนชอบยัดเยียดให้เป็นนั่นเป็นนี่เสมอ ความจริงแล้วต้องการปล่อยให้ได้ราคามากนั่นเอง (ดังในภาพที่ท่านเห็นนี่แหละ) มีลักษณะเล็กกระทัดรัดน่าใช้มาก
“สมเด็จพระพุทธบาทประชารักษ์” หลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลี หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โกร่งธนู หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง ฯลฯ ปลุกเสก “สมเด็จพระพุทธบาทประชารักษ์” พระสมเด็จรุ่นนี้พระธรรมรัตนากร(หลวงพ่อใหญ่)เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาท เจ้าคณะจังหวัดสระบุรีในขณะนั้นได้เป็นผู้ดำเนินการจัดสร้างเนื่องจากท่าน เห็นว่าวัดพระพุทธบาทยังไม่เคยมีการจัดสร้าง พระพิมพ์สมเด็จมาก่อนเลยและท่านได้เห็นดอกไม้ที่ประชาชนนำมาใส่บาตรพระช่วง เทศกาลเข้าพรรษาเป็นจำนวนมาก ท่านจึงได้ให้รวบรวมไว้นำมาเป็นมวลสารในการจัดสร้างและอีกวัตถุประสงค์หนึ่ง เพื่อแจกแก่ผู้ที่เข้ามาแสดงมุตาจิตที่ท่าน ได้เลื่อนสมณศักดิ์ และส่วนหนึ่งนำมาจำหน่ายแก่ประชาชนที่มานมัสการรอยพระพุทธบาทในราคาองค์ละ สิบบาทเพื่อเป็นที่ระลึก การจัดสร้างมีการดำเนินการโดยทางวัดเองเริ่มประมาณในปีพ.ศ.2512 โดยมี “พระมหาโกเมศ” จากวัดราชนัดดาซึ่งมีความสนิทกับท่านพระธรรมรัตนากรเป็นผู้ดำเนินการจัด สร้าง(ปัจจุบันทราบว่าท่านได้ลาสิกขาแล้ว )และการดำเนินการไม่ได้มีการจัดทำเอกสารในการจัดสร้างแต่อย่างใดแต่ได้มีการ ถ่ายรูปไว้จำนวนหนึ่งขณะนี้สอบถาม แล้วตั้งแต่เจ้าอาวาสคือท่านพระธรรมรัตนากรมรณภาพแล้วก็ไม่ได้มีผู้ใดสนใจ รูปที่ถ่ายไว้ได้สูญหายไปไม่ทราบว่าไปตกอยู่ที่ใครบ้างถ้าตามพบจะนำมาเสนอ ต่อไป การกดพิมพ์พระได้ดำเนินการกดพิมพ์กันในบริเวณวัดพระพุทธบาท บริเวณใต้ถุนศาลาทำบุญ ปัจจุบันศาลาหลังนี้เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันได้ทำการรื้อไปแล้วซึ่งน่าเสียดาย ยิ่งนัก โดยพิมพ์พระเป็นพิมพ์ที่ท่านพระมหาโกเมศจัดหามาเท่าที่ทราบมีประมาณสิบกว่า พิมพ์ โดยเรียกชื่อพิมพ์คล้ายกันกับสมเด็จบางขุนพรหมแต่ได้แกะพิมพ์ให้แตกต่างกัน ออกไป และการพิมพ์องค์พระทำเป็นแบบสองหน้าก็มี ที่เรียกชื่อเท่าที่พบ ๑) พิมพ์ทรงเจดีย์ ๒) พิมพ์ฐานขาสิงห์ ๓) พิมพ์เกศบัวตูม ๔) พิมพ์ปกโพธิ์ ๕) พิมพ์อกครุฑ ๖) พิมพ์ฐานแซม ๗) พิมพ์วัดเกศ พิมพ์นอกจากนี้จะเป็นพิมพ์พิเศษที่ทำขึ้นมาเพื่อแจกแก่ผู้ที่มาช่วยงานเช่นทำเป็นพิมพ์สองหน้า ส่วนพิมพ์ทั่วไปลักษณะองค์พระด้านหน้าจะเป็นรูปแบบของแต่ละพิมพ์ทรงด้านหลังจะกดพิมพ์ ด้านหลังองค์พระด้วยตราจุลมงกุฎ ซึ่งจุลมงกุฎนี้สมเด็จพระพุฒาจารย์นวมได้ทำการจัดสร้างไว้ เพื่อแจกแก่ผู้ที่ร่วมทำบูญเมื่อคราวบูรณะรอยพระพุทธบาทจะมีสองแบบคือแบบพิมพ์เล็กและพิมพ์ ใหญ่จะนำมากดด้านหลังองค์พระทั้งสองแบบ ส่วนเนื้อพระจะแบ่งออกเป็นสามสีคือ ๑)เนื้อสีน้ำตาลหรือเนื้อเกสร สร้างจำนวนไม่มาก ไม่ได้นำออกจำหน่าย ๒) เนื้อสีเปลือกมังคุด สร้างจำนวนน้อยสุด ไม่ได้นำออกจำหน่าย ๓) เนื้อสีขาวสร้างจำนวนมากและนำมาจำหน่ายองค์ละสิบบาท พระทั้งหมดจัดสร้างจำนวนเท่าใดไม่ทราบ เมื่อทำการกดพิมพ์พระเป็นจำนวนพอแก่ความต้องการแล้วได้จัดพิธีพุทธาภิเศกที่ ศาลาหอเย็นใกล้รอยพระพุทธบาทในปี พ.ศ.๒๕๑๕ ทราบว่าได้ทำพิธีใหญ่มากเกจิอาจารย์ที่มาร่วมในพิธีเท่าที่ทราบมีดังนี้ หลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลี หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โกร่งธนู หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง และยังมีเกจิอาจารย์อื่นๆอีกสอบถามไม่มีผู้ให้คำตอบได้ และในปีพ.ศ. ๒๕๒๒ได้เข้าพิธีอีกครั้งหนึ่งสอบถามจากผู้ได้ไปนิมนต์ซึ่งได้เดินทางร่วมไปกับพระที่วัดที่จำได้มี หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง หลวงพ่อเชื้อวัดใหม่บำเพ็ญบุญ พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุธ)เจ้าคณะจังหวัดอุทัย (องค์นี้งูเห่าแผ่แม่เบี้ยท่านชี้มือสยบเลยจากคำบอกเล่าของผู้ที่ไปนิมนต์ท่าน) หลวงปู่นาค วัดหนองโปร่ง หลวงพ่อสุวรรณ วัดเขาบ่มกล้วย หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โกร่งธนู และยังมีพระอีกส่วนหนึ่งที่พระมหาโกเมศได้นำมาร่วมในพิธีด้วยท่านจะสร้างใน คราวเดียวกันหรือนำมาจากวัดราชนัชดาก็ไม่ทราบ สอบถามได้ใจความไม่ตรงกันบ้างว่ากดพิมพ์พร้อมกันเป็นพระพิมพ์คลายกันแต่มี เศษพลอยสีต่างๆผสมอยู่ในเนื้อพระส่วนเนื้อพระจะเป็นสีขาว และได้นำมาแจกในงานฉลองยศของท่านพระธรรมรัตนากรเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทเท่า นั้นและหลวงพ่อกวยได้นำพระบางส่วนกลับไปด้วย
พระชุดวัดประสาทบุญญาวาส กรุงเทพฯ ปี ๒๕๐๖ มวลสารผสมผงวัดระฆัง และสมเด็จบางขุนพรหม จัดสร้างโดย " พระครูสมุห์อำพล" อดีตเจ้าอาวาสวัดประสาทฯ ในช่วงปี ๒๕๐๕ - ๒๕๐๙ มวลสารผสมผงวัดระฆังฯ โดยท่านพยายามเสาะหาผงวิเศษจากหลายๆพระอาจารย์รวมทั้งชิ้นส่วนพระเครื่องแตกหักเก่าๆทั้งพระกรุและพระเกจิอาจารย์นับไม่ถ้วน โดยเฉพาะชิ้นส่วนแตกหักของ "สมเด็จบางขุนพรหมกรุใหม่" ที่ทางวัดเปิดกรุ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๐ มีจำนวนหลายลังทีเดียว ว่ากันว่า พระผงวัดประสาทฯ มีชิ้นส่วนแตกหักของพระสมเด็จบางขุนพรหมมีผสมอยู่มากกว่าสมเด็จบางขุนพรหม ๐๙ เสียอีก พระเกจิที่มาร่วมพิธีวัดประสาทฯ นั้นก็มีมากถึง ๒๐๐ กว่ารูป จนนั่งภายในพระอุโบสถไม่หมด ต้องให้นั่งข้างนอกพระอุโบสถแล้วโยงสายสิญจน์ออกมา พิธีในครั้งนั้นจัดว่าเป็นพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลที่ยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนับแต่พิธีปลุกเสกพระเครื่องฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ เป็นต้นมา ***เกจิที่ร่วมพิธีปลุกเสก อาทิ เช่น *** อาจารย์ทิม วัดช้างไห้ ลพ.คล้าย วัดสวนขัน ลพ.ดิษฐ์ วัดปากสระ ลพ.น้อย วัดธรรมศาลา ลพ.ใจ และ ลพ. พล วัดวังยายหุ่น ลป.โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ลพ.แดง วัดเขาบันไดอิฐ ลพ.มุ่ย วัดดอนไร่ ลพ.เงิน วัดดอนยายหอม ลพ.กวย วัดโฆสิตาราม ลพ.พรหม วัดช่องแค ลพ.ทบ วัดชนแดน ลป.ทิม วัดละหารไร่ ลป.เขียว วัดหรงมล ลพ.จง วัดหน้าต่างนอก ลป.ดู่ วัดสะแก ลป.สี วัดสะแก ลพ.แพ วัดพิกุลทอง ลป.นาค วัดระฆังฯ ลป.หิน วัดระฆังฯ
สมาชิกคุณภาพครับท่านนี้ เคาะจริง ซื้อจริง โอนเงินเร็วสุดยอดมากๆ สำหรับสมาชิกท่านนี้ ผมการันตีให้เลยครับ เมื่อวานนี้ จัดส่งพระให้แล้วครับ ขอบคุณมากครับผม EP199742233TH
สมาชิกคุณภาพครับท่านนี้ เคาะจริง ซื้อจริง โอนเงินเร็วสุดยอดมากๆ สำหรับสมาชิกท่านนี้ ผมการันตีให้เลยครับ เมื่อวานนี้ จัดส่งพระให้แล้วครับ ขอบคุณมากครับผม EP199742233TH
ลูกค้าคุณภาพ RK247282993TH
ลูกค้าคุณภาพ RK247282993TH
ผมได้จัดส่งพระให้เรียบร้อยแล้วครับ RJ489861716TH เครดิตดี โอนเงินรวดเร็ว อัธยาศัยเยี่ยม เป็นอีกหนึ่งเสียงการันตี ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนครับ
พระกลีบบัว พระครูใบฎีกาเกลี้ยง วัดสุทัศน์เทพวราราม กทม. 2471 พระครูใบฎีกาเกลี้ยงท่านเป็นฐานานุกรมของสมเด็จพระวันรัตน์ (แดง) แห่งวัดสุทัศน์ เป็นศิษย์ร่วมสำนักกับสมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์ และท่านพระครูใบฎีกาเกลี้ยงท่านเก่งทางด้านทำผงและการลงยันต์พุทธซ้อน ท่านเจ้าคุณศรี (สนธิ์) ก็ยังเรียนกับพระครูใบฎีกาเกลี้ยง และหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง ก็ได้เรียนกับพระครูใบฎีกาเกลี้ยงเช่นกัน ในด้านการทำผงวิเศษ ประกอบด้วยผงปถมัง อิทธิเจ มหาราช ตรี นิสิงเหนั้น ผงของพระครูใบฎีกาเกลี้ยงแห่งวัดสุทัศน์เจ้านี้ได้รับคำยกย่องมาก เล่าขานกันว่า ผงที่ท่านลบอยู่ในกระดานนั้นขณะที่ท่านบริกรรมปลุกเสกจะเดินได้ประหนึ่งมดปลวกที่มีชีวิต และผงวิเศษต่างๆ ที่ท่านสำเร็จดังกล่าวนี้แหละ ท่านได้รวบรวมแล้วนำมาสร้างเป็นพระครูกลีบบัว ท่านอาจารย์หนู (นิรันดร์ แดงวิจิตร) ได้เล่าให้ฟังว่า พระครูใบฎีกาเกลี้ยงขณะที่อยู่ที่ วัดสุทัศน์นั้น ท่านได้สร้างพระผงกลีบบัว ประมาณปีพ.ศ.เจ็ดสิบ ถึงปีพ.ศ.แปดสิบกว่า เป็นระยะเวลานานมาก การสร้างพระพิมพ์นี้ไม่ได้สร้างครั้งเดียวเสร็จ ท่านค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ มีพระเณรในวัดสุทัศน์ช่วยท่านทำ แม้แต่ท่านอาจารย์หนูก็ยังไปช่วยท่านทำด้วยตามโอกาส ท่านอาจารย์หนูเล่าต่อว่า เนื้อของพระกลีบบัวพิมพ์นี้เป็นเนื้อผงขาวปูนเปลือกหอยและน้ำมันตั้งอิ้ว มีสีต่างๆ เช่น เหลือง เทา เขียวและดำนั้นได้ตกแต่งด้วยสีฝุ่น จำนวนที่ท่านสร้างน่าจะประมาณ 84,000 องค์ เนื่องจากใส่โอ่งมังกรขนาดใหญ่ถึงสองโอ่ง ต่อมาเมื่อมีวัดใดจะสร้างโบสถ์หรือบูรณปฏิสังขรณ์ หรือมีการบรรจุพระลงพระเจดีย์มาขอ ท่านก็จะมอบให้แห่งละจำนวนมากๆ และอาจจะด้วยเหตุนี้กระมังพระผงกลีบบัวพิมพ์นี้จึงมีแจกอยู่แพร่หลายและหลายสำนักด้วยกัน เช่นที่หลวงพ่อท้วม วัดไชยนาวาส หลวงพ่อครื้น วัดสังโฆ วัดบางหัวเสือ วัดยอด และอีกหลายวัดในอำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อย่างไรก็ตาม พระกลีบบัวพิมพ์นี้สร้างที่วัดสุทัศน์และเป็นพระที่พระครูใบฎีกาเกลี้ยงท่านสร้างไว้ครับ และเป็นพระที่เข้าพิธีพุทธาภิเษกด้วยกันหลายครั้งในพระอุโบสถวัดสุทัศน์ พระผงกลีบบัวของพระครูใบฎีกาเกลี้ยงเด่นทางด้านเมตตามหานิยม