สุดยอดพระนิรันตรายแห่งสยามประเทศครับ พุทธคุณเป็นที่ประจักษ์แด่สาธุชนทั่วไทย เหรียญสวยๆ หายากแล้วครับ มาพร้อมบัตรรับประกันเพื่อนบ้าน รับประกันตามกฏทุกประการ โอนแล้วรบกวนแจ้งทางเมลล์ด้วยครับทำงานประจำบางครั้งไม่สะดวกรับโทรศัพท์
วัดใจเริ่มที่ 40 บาท พระพุทธชินราชเนื้อดิน วัดเสาธงทอง พระสวยเนื้อจัดพอมีคราบกรุตามซอก พร้อมเลี่ยมเก่าเดิมๆครับ พร้อมบัตร dd ตามประวัติว่าสร้างประมาณปี๒๔๔๐ โดยอดีตเจ้าอาวาสหลวงปู่เพิ่ม วัดเสาธงทอง โดยพิธีการปลุกเสก หลวงพ่อเพิ่ม ได้นิมนต์ หลวงพ่อเนียม วัดน้อย และหลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน ร่วมปลุกเสก พระที่สร้างมีทั้งเนื้อดินเผา ดินเข้าว่าน และ มีเคลือบยางไม้บ้าง ปิดทองบ้าง หรือ ไม่ปิด ไม่เคลือบก็มี และ แจกให้ชาวบ้านเลยก็มี และ บ้างก็บรรจุกรุพระเจดีย์ไว้ส่วนหนึ่ง (รบกวนพิจารณาให้ชอบก่อนเคาะนะครับ ผมพยายามถ่ายรูปให้ชัดเจนที่สุดจะได้ไม่เสียโอกาสซึ่งกันและกันนะครับ)
วัดใจเริ่มที่ 40 บาท พระสมเด็จเกศมงคล หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธ์นิมิตร รุ่นแรก ปี 2497 พร้อมบัตร dd สภายสวยเดิม หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธินิมิตรสถิตมหาสีมาราม ได้นำมวลสารมาเข้าพิธีปลุกเสก โดยพระเกจิอาจารย์หลายท่านเป็นปฐมฤกษ์ และเมื่อได้ฤกษ์ที่ท่านกำหนดคือเมื่อปีพ.ศ.2484 จึงกำหนดให้มีการจัดปริมณฑลอย่างถูกต้องตามตำรา และเริ่มนำมวลสารทั้งหมดมาผสมกับน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์คลุกเคล้าให้เข้ากันดี แล้วเริ่มลงมือกดพิมพ์พระ หากเป็นพระภิกษุและสามเณรจะต้องทำศีลให้สะอาดเสียก่อน และหากเป็นฆราวาสต้องสมาทานศีลห้า ขณะที่กดพิมพ์พระก็จะมีการบริกรรมภาวนาทำใจให้เป็นกุศลพร้อมๆ กันด้วย พระเกจิอาจารย์ที่ร่วมปลุกเสกส่วนใหญ่จะเป็นสหธรรมิกที่สนิทชิดเชื้อกันอาทิ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี, หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณมิตร, หลวงพ่อสา วัดราชนัดดา, หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์ เป็นต้น เนื่องด้วยจำนวนพระที่มีการจัดสร้างนั้นมีจำนวนมาก ประกอบกับฤกษ์อันเป็นมงคลในแต่ละปีมีไม่กี่ครั้ง ทำให้การกดพิมพ์พระนั้นใช้เวลายาวนานหลายปีจนกระทั่งเสร็จสิ้นเมื่อปีพ.ศ.2497 หลังจากนั้นสมเด็จพุฒาจารย์ (นวม) ได้สั่งให้หลวงพ่อฑูรย์เอาแม่พิมพ์ไปทิ้งลงในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเป็นการประกาศว่าจะไม่มีการทำเสริมขึ้นมาอีก แล้วจึงนำพระทั้งหมดที่กดพิมพ์เสร็จแล้วมอบให้สมเด็จพุฒาจารย์ (นวม) ปลุกเสกต่อไป จากนั้นได้มีการนำออกมาแจกครั้งแรก ในงานทำบุญฉลองอายุครบ 90 ปีของสมเด็จพุฒาจารย์ (นวม) เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2497 จำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นการแสดงมุทิตาจิตของ หลวงพ่อฑูรย์ที่มีต่อองค์อุปัชฌาย์ของท่านเอง ส่วนที่เหลือจึงได้นำกลับไปวัดโพธินิมิตและเก็บไว้ในกุฏิของท่านเพื่อทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น และปลุกเสกเดี่ยว ทำเช่นนี้ทุกวันหลายเดือนแล้วจึงนำออกแจกให้แก่ผู้ที่นำปัจจัย ร่วมบุญกับท่าน (รบกวนพิจารณาให้ชอบก่อนเคาะนะครับ ผมพยายามถ่ายรูปให้ชัดเจนที่สุดจะได้ไม่เสียโอกาสซึ่งกันและกันนะครับ) ยังมีรายการวัดใจอีกหลายรายการนะครับ
เหรียญสภาพสวยครับ ยังมีรมดำติดอยู่ สภาพสวยเดิมแบบนี้ พิมพ์ไข่ปลาใหญ่ พร้อมบัตรแบบนี้พี่ๆให้เท่าไหร่
***วัดใจแดงแรก ของดีๆราคาถูกๆครับ***พระหลวงปู่ทวด พิมพ์กลาง เนื้อว่าน ปี06 วัดม่วง พร้อมบัตรรับประกัน...องค์ที่3 จัดเป็นพระเนื้อว่าน พิมพ์หลวงปู่ทวด ที่สร้างในยุคแรกๆ (ทันอาจารย์ทิม วัดช้างให้ ปลุกเสก) พระดี พิธีใหญ่ (อาจารย์ทิม วัดช้างให้ ขึ้นมาเป็นประธานสร้างและปลุกเสกให้ แถมนำมวลสารที่ใช้สร้างพระเนื้อว่าน ลป.ทวด ปี 2497 มาให้อีกเป็นจำนวนมาก) ส่วนผสมและการกดพิมพ์เป็นไปตามตำหรับ/พิธีของวัดช้างให้ โดยการควบคุมอย่างใกล้ชิดของอาจารย์ทิม วัดช้างให้ ส่วนผสมที่ใช้ในการจัดสร้าง ว่าน 108 ซึ่งทำการจัดหารวบรวมโดยวัดม่วง ผงว่านที่ใช้สร้างพระหลวงพ่อทวดรุ่นแรก ท่านอาจารย์ทิม นำมามอบให้ น้ำมนต์ของ ลพ.เงิน วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม ทางวัดได้จัดพิธีปลุกเสกใหญ่ ระหว่างวันที่ 18-20 ธ.ค. 2505 โดยเชิญพระเกจิย์อาจารย์เก่งๆหลายท่านแห่งยุคร่วมปลุกเสก โดยรวมประมาณ 30-40 รูป อาทิเช่น อาจารย์ทิม วัดช้างไห้ ลป.เขียน วัดถ้ำขุนเณร ลพ.นอ วัดกลางท่าเรือ ลป.นาค วัดระฆัง ลพ.จง วัดหน้าต่างนอก ลพ.เต๋ วัดสามง่าม ลพ.เงิน วัดดอนยายหอม ลพ.นา วัดนางจางพ่วง ลพ.สำเนียง อยู่สถาพร วัดเวฬุวนาราม ลพ.เติม วัดบางแค ธนบุรี ลพ.ทบ วัดวัดชนแดน ลพ.ทองอยู่ วัดใหม่หนองพะองค์ และเกจิท่านอื่นๆอีกเพียบ เป็นพระเนื้อว่านพิมพ์หลวงปู่ทวดอีกพิมพ์หนึ่งที่น่าบูชาขึ้นคออย่างยิ่ง เนื่องจาก มีมวลสารและเนื้อผงว่านหลวงปู่ทวดวัดช้างให้ รุ่นแรก ปี 2497 ผสมอยู่เป็นจำนวนมากครับ
สร้างเมื่อปีพ.ศ.2485 จัดสร้างเนื่องในวโรกาสสมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์พระชนมายุครบ70พรรษา พิธีดีเยี่ยม จำนวนการสร้างไม่มาก..หายากสุดๆๆ เด่นในทุกด้านของพุทธคุณ องค์นี้สภาพสวยมาก+++เลี่ยมทองคำแท้ๆสวยงาม พร้อมบัตรรับรองพระแท้ๆอีกใบ
เหรียญเม็ดแตงหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ปี08 มีบัตรรับรองเวปดีดี สวยสภาพใช้ น่าบูชาพระนิรันตรายแคล้วคลาด
พระกรุวัดสุวรรณฯ จ.อ่างทอง แตกกรุครั้งแรก เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๐๐ โดยการถูกลักลอบขุดเจดีย์ ได้ทรัพย์สินมีค่าไปเป็นจำนวนมาก รวมถึงพระเครื่องพิมพ์ต่าง ๆ... ...วัดสุวรรณฯเป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่ง ของจังหวัดอ่างทอง แต่ได้ชำรุดทรุดโทรม และปรักหักพังจากการทำลายของข้าศึกไปเสียเป็นส่วนใหญ่ ในคราวการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง ในปี พ.ศ.๒๓๑๐ ดังนั้นถาวรวัตถุต่างๆจึงได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ภายหลัง กล่าวว่าผู้บูรณะวัดสุวรรณฯขึ้นมาใหม่คือเศรษฐีทองคำ คหบดีผู้มีถิ่นฐานอยู่ทางทิศเหนือของวัด เมื่อบูรณปฏิสังขรณ์จนสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ยังได้สร้างพระเจดีย์ทรงลังกาขึ้นมาอีกหนึ่งองค์ ฐานล่างขององค์เจดีย์ใช้ซุงสองต้นวางกากบาท ภายในแบ่งเป็นห้อง 4 ห้อง มีภาพวาดพุทธประวัติ หลังจากสร้างเสร็จได้รวบรวมเอาพระพุทธรูป พระพิมพ์ ที่ยังพอหลงเหลืออยู่บ้างตามวัดเก่าในละแวกนั้นเข้าบรรจุอยู่ภายในองค์ เจดีย์และได้สร้างพระเครื่องพิมพ์ต่างๆ ด้วยเนื้อชินตะกั่วนำเข้าบรรจุกรุรวมอยู่ด้วย ซึ่งพระพิมพ์ต่างๆ ที่สร้างขึ้นนั้นล้วนแต่เป็นพระพิมพ์ที่ล้อพระกรุพระเก่าทั้งสิ้น เช่นพิมพ์พระรอด พิมพ์พระลำพูน พระปิดตา พระลีลา พระนาคปรก พระสมเด็จ เหล่านี้เป็นต้น... ...ตามประวัติว่า ได้นิมนต์หลวงพ่อเนียม วัดน้อย สุพรรณฯ มาร่วมเป็นเจ้าพิธีสร้างในครั้งนั้นด้วย....และ วงการก็นิยมว่าพระกรุวัดสุวรรณฯ เป็นพระของหลวงพ่อเนียม อีกด้วย....และ อายุก็ประมาณรัตนโกสินทร์ตอนกลางๆ ก็ต้องมีราวๆร้อยปีขึ้นไป วัดใจ10 บาทค่ะ พระกรุวัดสุวรรณ เนื้อชินตะกั่ว สนิมแดง จ.อ่างทอง มีบัตรรับรองให้แล้วค่ะ สนใจขอเชิญค่ะ โอน/เปลี่ยนที่ส่ง รบกวนแจ้งเข้ากล่องข้อความด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
ราคาพิเศษ พระเคาะเดียวปิดครับ<<< พระเนื้อดินผงเกสร 25 พุทธศตวรรษ เนื้อผงเกสาสภาพสวยแบบผิวเดิมๆ มวลสารและพิมพ์ติดหน้าตา ดูง่ายแท้ทุกสนามครับ 25 พุทธศตวรรษ ปี2500 องค์นี้สภาพสวยแบบผิวเดิมๆ พิมพ์คมติดหน้าตาชัดเจน ลักษณะพิมพ์ทรงถูกต้องตามหลักการครับ (พระราคาหลักร้อย พุทธคุณหลักล้านครับ) ภาพถ่ายจากองค์จริง ไม่มีการแต่งภาพใดๆ เลยครับ พระองค์นี้จัดว่าเป็นพระดูง่าย แท้ทุกสนามครับ และรับประกันพระมาตรฐานสากล ตามกฎ ครับ ลองชม ลองพิจารณาดู ถ้าสนใจก็เชิญเคาะได้เลยนะครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังจริง ๆ ครับ พร้อมกล่องเดิมรุ่นเก่าจากหลวงพ่อเณรวัดศรีสุดาราม พระเครื่อง ๒๕ พุทธศตวรรษ ประวัติพิธีการสร้างและปลุกเสก ครั้งยิ่งใหญ่ พระเครื่องที่มีพิธีกรรมปลุกเสกครั้งยิ่งใหญ่ในเมืองไทย วงการพระจักต้องจารึกพระราชพิธีที่สำคัญยิ่งไว้ในครั้งนั้น ได้แก่ พิธีพุทธาภิเษก หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า 25 พุทธศตวรรษ ซึ่งพิธีนี้ปลุกเสกที่พระอุโบสถวัดสุทัศนเทพวรารามวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานครนี่เอง และนับเป็นพิธีมหาพุทธาภิเษกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสมัยรัตนโกสินทร์ เป็นพระเครื่องที่ทางการได้จัดสร้างขึ้นเพื่อนำเงินรายได้จัดสร้างพุทธมณฑลที่ตำบลศาลายา และบูรณปฏิสังขรณ์ปูชนียสถานที่สำคัญๆ ในทางพุทธศาสนาของเรา นับเป็นการสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และถูกต้องครบถ้วนตามพิธีทางศาสนา ทำการปลุกเสกโดยพระคณาจารย์ที่มีชื่อ 108 องค์ ซึ่งทางการได้คัดเลือกมาจาก ทั่วราชอาณาจักร เป็นพระเครื่องที่มีพุทธานุภาพและปาฏิหาริย์หลายอย่างแก่ผู้มีไว้ในครอบครอง พระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษ มีด้วยกัน 3 ชนิด คือ 1.พระเครื่องเนื้อทองคำแท้ สร้างเพียง 2,500 องค์ 2.พระเครื่องเนื้อชิน สร้างเพียง 2,421,250 องค์ 3.พระเครื่องเนื้อดิน สร้างเพียง 2,421,250 องค์ 4.พระเครื่องชนิดเหรียญนิกเกิล สร้างเพียง 2,000,000 เหรียญ อนึ่ง นอกจากนี้ก็มีพิมพ์พิเศษ ซึ่ง พล.ต.ต.เนื่อง อาขุบุตร หนึ่งในกรรมการดำเนินงานได้สร้างขึ้นเป็นพิมพ์สี่เหลี่ยม พระชุดนี้ พล.ต.ต.เนื่อง อาขุบุตร ได้นำเข้าพิธีพร้อมกับพระเนื้อชินและเนื้อดิน เมื่อเสร็จพิธีแล้วได้แจกให้กับกรรมการที่มีส่วนในการจัดงานให้ลุล่วงไปด้วยดีคนละหนึ่งองค์ หากผู้ใดจะเช่าบูชานั้นจะสมนาคุณรายที่เช่าบูชาพระเนื้อดินหรือชินพร้อมกันครั้งละ 100 องค์ สำหรับพระเนื้อชินและเนื้อดินนั้นมีส่วนผสมที่น่าสนใจมาก คือ พระเนื้อชิน ที่ประกอบด้วยมวลสารของโลหะหลายอย่างเช่น พลวง, ดีบุก, ตะกั่วดำ และ แผ่นเงิน, ทองแดง ที่พระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณทั่วประเทศทำการลงอักขระยันต์มาแล้ว ยังมีชนวน หล่อพระในพิธีอื่นๆ พร้อมผงตะไบ “พระกริ่งนวโลหะ” ทั้งของ สมเด็จพระสังฆราชแพ และ ท่านเจ้าคุณศรี (สนธิ์) วัดสุทัศน์ มาเป็นชนวนในการสร้างที่มากถึง 2,421,250 องค์ ส่วน พระเนื้อดินผสมผงเกสร ก็มีมวลสารที่ประกอบด้วยดินจาก ทะเลสาบสงขลาเกาะยอ อ.เมือง จ.สงขลา เป็นส่วนผสมหลัก เนื่องจากดินที่เกาะยอเนื้อละเอียดมีลายเป็นพรายน้ำในตัวและมีสีเหลืองนวลคล้าย พระซุ้มกอ, พระลีลาเม็ดขนุน โดยนำมาผสมกับผงเกสรดอกไม้ 108 ชนิด แล้วยังมีว่านต่างๆ พร้อมดินหน้าพระอุโบสถ, ดินหน้าพระอารามสำคัญของแต่ละจังหวัด และดินจากบริเวณที่ประดิษฐานพระประธานพุทธมณฑล รวมทั้งดินจากสังเวชนียสถาน 4 ตำบล (ประสูติ-ตรัสรู้-ปฐมเทศนา-ปรินิพพาน) จากประเทศอินเดีย โดยมีผงพุทธคุณจากพระคณาจารย์ 108 รูป ผงพระเครื่องที่ชำรุด เช่น พระสมเด็จวัดระฆัง, พระรอด, นางพญา, ผงสุพรรณ, ซุ้มกอ, กำแพงลีลาเม็ดขนุน, ขุนแผนบ้านกร่าง ฯลฯ รวมทั้ง ผงตะไบพระกริ่งนวโลหะ ของ สมเด็จพระสังฆราชแพ, เจ้าคุณศรี (สนธิ์) วัดสุทัศน์ ดังกล่าวข้างต้น เนื่องจากการสร้างพระ 25 พุทธศตวรรษ เนื้อดินผสมผง ตั้งโรงงานสร้างขึ้นในบริเวณวัดสุทัศน์ พระเนื้อดินผสมผงก็สร้างด้วยจำนวนมากเท่ากับเนื้อชิน คือ 2,421,250 องค์ ซึ่งพอสร้างเสร็จและนำเข้าเตาเผาก็จะปรากฏเป็นสีที่แตกต่างกัน เช่น ดำ, น้ำตาลไหม้, เทา, เขียว, ขาวนวล, พิกุลแห้ง, หม้อใหม่, ครีม, ชมพู รวมทั้ง เนื้อสองสี (ที่เรียกว่า เนื้อผ่าน) และหากตั้งข้อสังเกตจะเห็นได้ว่าสีขององค์พระจะคล้ายกับพระที่สร้างในยุคโบราณ ทั้ง พระรอด, พระคง, พระเปิม และ พระบาง รวมทั้งพระเนื้อดินเผาสกุล นางกำแพง, ผงสุพรรณ และพระกรุของเมือง อยุธยา เป็นต้น ประธานฝ่ายสงฆ์ของพิธีกรรม คือ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ วัดบวรนิเวศมหาวิหาร ประธานฝ่ายฆราวาส จอมพล ป. พิบูลสงคราม อดีตนายกรัฐมนตรีสมัยนั้น พลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ ประธานฝ่ายจัดสร้างพระพิมพ์ รองประธานฝ่ายจัดสร้างได้แก่ พลตำรวจตรี เนื่อง อาขุบุตร ท่านได้เป็นกรรมการจัดจำหน่ายให้สาธุชนและผู้มีเกียรติทั้งหลายเช่าบูชาไปสักการะ หรือนำติดตัวเพื่อป้องกันอุบัติเหตุร้ายได้อีกด้วย พิธีกรรม การทำพิธีพุทธาภิเษกปลุกเสกพระเครื่อง ได้นิมนต์พระคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิมาทำพิธีถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกนำสิ่งของที่จะสร้างมาทำพิธีพุทธาภิเษกปลุกเสกเสียก่อนครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2500 ณ พระอุโบสถวัดสุทัศน์ มีพระคณาจารย์มาทำพิธีครบ 108 องค์ ต่อมาเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2500 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ได้ทรงพระกรุณาเททอง หล่อพระทองคำ แล้วทรงพิมพ์พระเนื้อดินและชนิดเนื้อชินเป็นปฐมฤกษ์ แต่วันนั้นได้สร้างในบริเวณวัดสุทัศน์เป็นเวลาถึง 3 เดือนเศษจึงแล้วเสร็จ ต่อมาเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2500 ได้ทำพระเครื่องทั้ง 3 ชนิดดังกล่าวแล้ว เข้าพิธีพุทธาภิเษกอีกครั้งเป็นระยะเวลา 3 วัน 3 คืน รวมเวลาทำพิธีพุทธาภิเษก 2 ครั้ง 6 วัน 6 คืน มีพระเกจิอาจารย์ที่ทางการ ร่วมอาราธนามาปลุกเสก 108 องค์ การสร้างพระเครื่องนี้ ได้ลงมือทำพิธีปลุกเสกสรรพสิ่งตลอด 3 วัน 3 คืน ในพระอุโบสถวัดสุทัศน์เทพวราราม ราชวรมหาวิหาร มีสมเด็จพระราชาคณะ , เจริญพระพุทธมนต์ 25 รูป พระคณาจารย์ปลุกเสก บรรจุพุทธาคมครบ 108 รูป อภินิหารพระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษ ปืนเอ็ม 16 กระหน่ำยิง 30 นัด ไม่ระคายผิว พระเครื่องราคาสูงหลัก “แสน” หรือหลัก “ล้าน” ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะ “เข้มขลังตามมูลค่า” ขณะที่ราคาพระเครื่องหลัก “ร้อย” หรือหลัก “พัน” อาจมีพุทธานุภาพสูงส่งก็ได้เพราะไม่มีอะไรเป็นเครื่องวัดได้ ซึ่งผิดกับความร้อน-หนาวที่วัดได้ด้วย “เทอร์โมมิเตอร์” แต่สิ่งเดียวที่พอจะวัดได้ก็คือ “ประสบการณ์” เพราะเป็น “ปรากฏการณ์” ให้พบเห็นทั้งในอดีตและปัจจุบันอยู่เสมอ “เหนือลิขิต ประกาศิตฟ้าดิน” ฉบับนี้จึงขอนำท่านผู้ อ่าน “อ่านความจริง...อ่านเดลินิวส์” ย้อนกลับไปพบกับข่าวหนึ่งบนหน้าหนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” ที่ได้บันทึกเหตุการณ์เป็นข่าวที่สุดตื่นเต้นเป็นการพิสูจน์ถึงอภินิหารของ “พระเครื่อง ๒๕ พุทธศตวรรษ” ที่ปัจจุบันยังมีให้บูชาในราคาไม่สูงเกินไปนัก โดยหนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์ ฉบับที่ ๙,๔๗๐ ประจำวันศุกร์ที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๘” ได้เสนอข่าวถึงเรื่องราวปาฏิหาริย์ของ “พระเครื่อง ๒๕ พุทธศตวรรษ” ที่มีรายงานข่าวจาก จังหวัดพัทลุง ว่าเมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๑๘ เวลา ๐๔.๓๐ น. นายสืบศักดิ์ แกล้วทนง อายุ ๒๓ ปี บ้านอยู่หมู่ที่ ๒ ต.ป่าพยอม อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์กลับจากดูโขนสดและภาพยนตร์ที่ วัดป่าพยอม เพื่อกลับบ้าน ขณะขับขี่ไปถึง ตลาดป่าพยอม เกิดไปเฉี่ยวเอาราษฎรหน่วยปฏิบัติการพิเศษ “ชุดล่าสังหาร” ผู้หนึ่งที่ทาง “ทหาร ผส.๕ ค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่” มาจัดตั้งหน่วยขึ้นที่ ต.ป่าพยอม อ.ควนขนุน เพื่อทำหน้าที่ปราบปรามผู้ก่อการร้ายในพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งกำลังเดินกลับ เข้าค่าย จำนวน ๔ คน ราษฎรหน่วยปฏิบัติการพิเศษ “ชุดล่าสังหาร” ผู้ที่ถูก “นายสืบศักดิ์” ขับรถเฉี่ยวจึงตะโกนบอกให้ “นายสืบศักดิ์” หยุดรถแต่ “นายสืบศักดิ์” เป็น “คนหูหนวก” จึงไม่ได้ยินเลยไม่หยุดรถ “หน่วยล่าสังหาร” ผู้นั้นจึงรัว “ปืนเอ็ม ๑๖” เข้าใส่ “นายสืบศักดิ์” ที่ยังขับรถทั้งหมด ๓๐ นัด กระสุนปืนพุ่งเข้าหา “นายสืบศักดิ์” เต็มแผ่นหลังจนตกลงจากรถจักรยานยนต์ หน่วยล่าสังหารทั้ง ๔ นายจึงกรูเข้าไปดูกลับเห็น “นายสืบศักดิ์” ปราศจากบาดแผลเนื่องจาก “กระสุนปืนเอ็ม ๑๖” ที่ยิงใส่นายสืบศักดิ์ไม่ระคายผิวเลย “หน่วยล่าสังหาร” ทั้ง ๔ นายจึงช่วยกันหักคอ “นายสืบศักดิ์” จนตายคามือแล้วพากันหลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการชันสูตรศพ จึงพบว่าแผ่นหลังของ “นายสืบศักดิ์” ถูกกระสุนปืนเอ็ม ๑๖ หลายนัดแต่กระสุนไม่ทะลุ มีเพียง “รอยไหม้เกรียม” ที่เกิดจากพิษกระสุนปรากฏเป็นจุด ๆ เท่านั้น ส่วนเหตุที่เสียชีวิตก็เพราะกระดูกบริเวณแผ่นหลังและที่ลำคอของ “นายสืบศักดิ์” หักหลายชิ้นเจ้าหน้าที่ค้นในตัวศพจึงพบว่าหนุ่มใบ้ผู้เสียชีวิตมีเพียง “พระเครื่อง ๒๕ พุทธศตวรรษ ๑ องค์” เท่านั้นซึ่งเป็นพระเครื่องที่จัดสร้างขึ้นเมื่อคราวมีงานฉลอง “๒๕ พุทธศตวรรษ” ในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ซึ่งครั้งนั้นรัฐบาลได้จัดตั้งกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง เพื่อดำเนินงานเกี่ยวกับการสร้างพระเครื่อง ๒๕ พุทธศตวรรษ สำหรับเป็นที่ระลึกและแจกจ่ายสมนาคุณให้แก่ประชาชน ผู้ที่มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงินสมทบทุนในการสร้าง “พุทธมณฑล” โดย “พระเครื่อง ๒๕ พุทธศตวรรษ” ที่จัดสร้างขึ้นในครั้งนั้นมีรายการและรายละเอียดดังนี้ ๑. เนื้อชิน พุทธลักษณะเป็นรูปองค์พระปฏิมากรแบบนูน เป็นพระที่สร้างขึ้นด้วยเครื่องปั๊มขนาดความกว้าง ๑.๘ ซม. สูง ๔.๗ ซม. หนา ๒ มม. วัสดุที่สร้างมีส่วนผสมต่าง ๆ ดังนี้ “พลวง, ดีบุก, ตะกั่วดำ, เนื้อนวโลหะ” และ “แผ่นทองแดง, แผ่นตะกั่ว, แผ่นเงิน” ที่พระอาจารย์ต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักรทำการลงอักขระเลขยันต์ และคาถาต่าง ๆ แล้วนำมาผสมหล่อหลอมเข้าด้วยกันโดยมีจำนวนสร้าง ๒,๔๒๑,๒๕๐ องค์ ๒. เนื้อดิน พุทธลักษณะเป็นรูปองค์พระปฏิมากรแบบนูน สร้างขึ้นด้วยเครื่องปั๊มมีด้วยกัน ๒ พิมพ์คือ “พิมพ์เขื่อง” มีขนาดกว้าง ๑.๖ ซม. สูง ๔.๒ ซม. หนา ๖ มม. “พิมพ์ย่อม” มีขนาดกว้าง ๑.๔ ซม. สูง ๓.๙ ซม. หนา ๔ มม. วัสดุที่ใช้สร้างเป็น “เนื้อดิน” ทั้ง ๒ พิมพ์โดยนำดินที่ขุดจาก ทะเลสาบจังหวัดสงขลา ผสมกับ เกสรดอกไม้ ๑๐๘ ชนิด ตลอดทั้งว่านและใบไม้ต่าง ๆ พร้อม ดินจากหน้าพระอุโบสถ ที่มีความสำคัญจากจังหวัดต่าง ๆ อีกทั้งดินที่นำมาจากสังเวชนียสถาน ๔ แห่ง ใน ประเทศอินเดีย นอกจากนี้ยังใช้ผงวิเศษจากพระอาจารย์ต่าง ๆ และพระเครื่องโบราณที่ชำรุดเช่น “พระสมเด็จฯ, พระขุนแผน, พระนางพญา, พระรอด” มาผสมเข้าด้วยกัน จำนวนที่สร้าง ๒,๔๒๑,๒๕๐ องค์ เช่นกันกับเนื้อชินโดยพระเครื่องเนื้อดินเผามีด้วยกันหลายสี อาทิ สีดำ, สีเทา, สีขาวนวล, สีพิกุลแห้ง, สีหม้อใหม่, สีครีม, สีชมพู, สีน้ำตาลไหม้ ฯลฯ เป็นต้น ๓. เนื้อทองคำ พุทธลักษณะเป็นรูปองค์พระพุทธปฏิมากรแบบนูน สร้างด้วยเครื่องปั๊มมีขนาดกว้าง ๑.๘ ซม. สูง ๔.๗ ซม. หนา ๒ มม. ด้านหน้าและด้านหลังพุทธลักษณะโดยทั่วไปเป็นแบบเดียวกันกับพระ “เนื้อชิน” และจำนวนสร้างเท่ากับ พ.ศ. ที่สร้างคือ ๒,๕๐๐ องค์ โดยน้ำหนักทองคำองค์ละ ๖ สลึง ทางด้านพิธีกรรมการ ปลุกเสกครั้งแรกทำการปลุกเสกสรรพวัตถุและมวลสารต่าง ๆ ก่อนที่จะได้นำมาสร้างเป็นพระโดยประกอบพิธีปลุกเสก ณ พระอุโบสถวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร เป็นเวลา ๓ วัน ๓ คืนด้วยกัน โดยในวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๐ เวลา ๑๖.๓๐ น. ฯพณฯ จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นประธานพิธี สมเด็จพระวันรัต (ปลด กิตฺติโสภโณ) สังฆนายก วัดเบญจมบพิตรฯ จุดเทียนชัยและมีพระเกจิอาจารย์ ๑๐๘ รูป นั่งปรกปลุกเสก บรรจุพุทธาคมลงในสรรพวัตถุและมวลสารต่าง ๆ จนตลอดคืน จากนั้นวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๐ เวลา ๑๖.๓๐ น. พลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ ประธานคณะกรรมการฯเป็นประธานพิธี และพระราชาคณะ ๒๕ รูป เจริญพระพุทธมนต์ พระเกจิอาจารย์ ๑๐๘ รูปนั่งปรกปลุกเสกบรรจุ พุทธาคมลงในสรรพวัตถุ และมวลสารต่าง ๆ ตลอดคืน ธธ102 1670ฝฝ73 1 74ฝฝ76 77ฝฝ79 3 80 85ฝฝ88 5 ตต101 1802ฝฝ04 1 05ฝฝ07 2 08ฝฝ10 3 11ฦฦ13 4 15ฦฦ16 5 23ฝฝ25 8 26ฝฝ28 9
พระขุนแผนหลวงพ่อไพฑูรย์ หลังกุมารทองถือดาบ วัดโพธิ์นิมิตร (ตลาดพลู) กรุงเทพฯ ปี2493-94 มาพร้อมดีกรีรางวัลที่3งานพันธ์ทิพย์งามวงวานศ์ครับ คนส่งพระเยอะมากครับได้ที่3มาก็สุดยอดแล้วครับ ประกันแท้ให้ตลอดชืพครับ พระโพธิสังวรเถร (หลวงพ่อฑูรย์ อตฺตทีโป) วัดโพธินิมิตรสถิตมหาสีมาราม แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กทม. ท่านเป็นเกจิเก่งอีกองค์หนึ่งในยุคกึ่งพุทธกาล เป็นศิษย์ของท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์นวม วัดอนงคาราม หลวงพ่อฑูรย์ท่านสร้างพระขุนแผนชุดนี้ไว้ไม่มากนักจำนวนการสร้างน่าจะประมาณ1,000องค์ครับ โดยใช้สุดยอดมวลสารในการจัดสร้าง เช่นดินเจ็ดป่าช้าและผงพรายกระดูกเด็กและอิทธิวัตถุสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นมงคลจากทั่วประเทศ เนื้อพระกรุที่แตกหัก อาทิเช่นพระผงสุพรรณ พระขุนแผน วัดพระรูป วัดบ้านกร่าง (ท่านเป็นคนสุพรรณ) และท่านได้รับมอบผงวิเศษในการสร้างพระ ของเกจิรุ่นเก่าเช่นหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ, ผงของสมเด็จฯนวม, ผงพระสมเด้จวัดระฆัง และพระกรุวัดสามปลื้ม ที่แตกหัก, ผงตะไบพระกริ่งของเจ้าคุณศรี (สนธิ์), ผงตะไบ ชนวนพระ 25 พุทธศตวรรษ, กระดาษสาลงยันต์ 108 ตาม ตำรับการสร้างพระกริ่งวัดสุทัศน์, ดินจากสังเวชณียสถานและ อื่นๆตลอดจนว่านยา 108 (((พระชุดนี้พุทธคุณสูงมากครับเด่นเรื่องเมตตาค้าขายและแคล้วคลาดคงกระพันชาตรีครับ))) ในการอธิษฐานจิตปลุกเสกสร้างพระในแต่ละครั้ง ท่านจะนิมนต์พระเกจิคณาจารย์ มาร่วมอธิฐานจิตจากทั่วประเทศ โดยเฉพาะเกจิที่มีความสนิทสนมกับท่านอาทิเช่น สมเด็จพระพุฒาจารย์นวม วัดอนงฯ, หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน, หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี, หลวงพ่อเส้ง วัดกัลยาฯ, หลวงพ่อสา วัดราชนัดดา, ท่านเจ้าคุณศรี(สนธิ์) วัดสุทัศน์ และหลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์ สุพรรณบุรี เป็นต้นครับ