พระยอดขุนพลหลวงพ่อขันธ์ ปี2504 เนื้อผงผสมว่าน วัดพระศรีอารย์ จ.ราชบุรี พิมพ์ใหญ่
ประวัติในการสร้างพระยอดขุนพล ของ หลวงพ่อขันธ์
ค่ำคืนหนึ่งหลวงพ่อขันธ์
ท่านได้นิมิตเห็นหลวงปู่ดำ เทพารักษ์ผู้ปกปักรักษา วัดพระศรีอารย์
ในภาพของชีปะขาวขึ้นจากสระน้ำเก่าศักดิ์สิทธิ์
มาหาหลวงพ่อขันธ์พร้อมกับกล่าวว่า ท่านขันธ์
ท่านอย่าลาสิกขาอยู่ช่วยสร้างวัดสร้างพระก่อนหลังจากที่ท่านตัดสินใจว่าจะไม่ลาสิกขา
ท่านก็เริ่มสนใจในวิปัสสนากรรมฐาน และคาถาอาคมอย่างจริงจัง
อาจารย์ที่ท่านได้ไปศึกษาได้แก่ หลวงพ่อรอด เจ้าอาวาสวัดหลวง ตำบลวังเย็น
อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี หลวงพ่อแหยม วัดบ้านเลือก และหลวงพ่ออินทร์
วัดโบสถ์
ระหว่างที่ท่านศึกษาวิปัสสนากรรมฐานและคันถะธุระตลอดจนวิชาอาคม
ท่านก็ได้สะสมว่านต่าง ๆ ตลอดจนมวลสารอันเป็นคุณวิเศษ
ตลอดจนผงพุทธคุณของวัดต่างๆ
หลวงพ่อขันธ์
ท่านเป็นพระที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวไม่เกรงกลัวใคร
ดังนั้นการเจริญวิปัสสนากรรมฐานของท่านจึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว
ท่านเป็นพระที่มีจิตเมตตาต่อบุคคลทั่วไปอย่างเสมอภาค
โดยไม่คำนึงถึงฐานะของบุคคลนั้น จะร่ำรวย หรือยากจน
หรือมียศฐาบันดาศักดิ์สูงส่งเพียงใด ท่านก็ให้การตอนรับอย่างเท่าเทียมกัน
ผู้ใดได้ไปขอพระยอดขุนพลจากท่าน ท่านก็เมตตาให้ ท่านกำชับว่า "
ให้เก็บรักษาพระให้ดีพระของข้า ข้าปลุกเสกจนเป็นพระจริงๆ
ตกอยู่ใต้ถุนบ้านใครบ้านนั้นอยู่ไม่เป็นสุขแน่ "
และท่านยังกล่าวเสริมอีกว่า "แขวนพระของข้าไม่มีตายโหง"
บทความนี้จะกล่าวถึง พระยอดขุนพล ของหลวงพ่อขันธ์ ก่อนอื่นขอกล่าวถึงมวลสารต่างๆที่ใช้ในการสร้างพระครั้งนี้
1.
ว่าน 1000 กว่าชนิดจากประเทศมาเลเซีย
ว่านและมวลสารและดินและผงของวัดช้างให้(มวลสารที่เหลือจากการสร้างพระหลวงพ่อทวดวัดช้างให้
รุ่นแรก ปี พ.ศ.2497)
2.
ผงและเศษพระวัดสามปลื้มและวัดระฆัง3.
มวลสารพุทธคุณของพระเกจิอาจารย์ทางใต้ โดยคุณณรงค์ ชาวอำเภอรอนพิบูล
จังหวัดนครศรีธรรมราช เจ้าของเหมืองแร่ทางภาคใต้เป็นผู้นำมาให้
4.
ผงพุทธคุณของหลวงพ่อบุญธรรม วัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม
ข้อเท็จจริงมีว่า หลวงพ่อขันธ์ได้ไปหาหลวงพ่อบุญธรรม ที่วัดพระปฐมเจดีย์
และได้แจ้งวัตถุประสงค์ในการสร้างพระ
และได้ขอผงพุทธคุณจากท่านเพื่อไปสร้างพระ
อันเป็นการสืบทอดพระศาสนาโดยจะไม่จำหน่ายพระเด็ดขาด
แต่หลวงพ่อบุญธรรมก็นิ่งเฉยไม่พูดอะไร จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง
หลวงพ่อขันธ์ก็ขอลากลับโดยเข้าใจว่าหลวงพ่อบุญธรรมไม่อนุญาตให้ผงตามที่ต้องการ
เวลาผ่านมาหลายเดือนจนหลวงพ่อขันธ์ลืมเหตุการณ์นี้แล้ว
ก็มีชาวพระปฐมเจดีย์มาหาหลวงพ่อขันธ์ที่วัดพระศรีอารย์พร้อมกับกล่าวว่า
หลวงพ่อบุญธรรมวานให้เอาพระบูชาซึ่งเป็นพระพุทธรูป(ปางพระศรีอารย์)ให้มาถวายหลวงพ่อขันธ์
ท่านก็รับไว้และแปลกใจว่าเราขอผงพุทธคุณกลับได้พระพุทธรูปแทน
หลวงพ่อขันธ์ท่านก็นั่งพิจารณาพระพุทธรูปเสียนานก็สังเกตเห็นใต้ฐานของพระพุทธรูปองค์นั้นมีรอยบรรจุผงพุทธคุณ
ท่านจึงใช้ไขควงงัดออกดูก็ปรากฏเห็นผงพุทธคุณเต็มฐานพระบูชา
เมื่อรวบรวมผงได้ตามที่ต้องการแล้วหลวงพ่อขันธ์ก็เริ่มลงมือสร้างพระยอดขุนพล
โดยสร้างพระเป็นสองวาระ คือ
วาระแรก เมื่อประมาณปี พ.ศ.2504 สร้างพระประมาณ หลายหมื่น องค์(โดยบรรจุพระลงในโอ่งมังกรขนาดบรรจุ 200 ลิตร หลายใบ)
วาระที่สอง
สร้างพระประมาณปี พ.ศ.2523-2524
โดยนำมวลสารที่เหลือจากการสร้างพระในวาระแรกมาสร้างพระ(พระที่สร้างวาระแรกเหลือจำนวนน้อยมาก)
หลวงพ่อขันธ์ท่านกล่าวกับศิษย์ใกล้ชิดทีเล่นทีจริงว่า จะสร้างให้ได้
หนึ่งล้านองค์เพื่อนำเงินรายได้มาสร้างพระอุโบสถทองคำร้อยล้าน
ระหว่างที่กดพิมพ์พระได้จำนวนร่วมสองหมื่นองค์หลวงพ่อขันธ์ท่านก็มรณภาพเมื่อวันที่
3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2534 ก็หยุดกดพิมพ์สร้างพระระยะหนึ่ง
ขณะนั้นมวลสารเหลือน้อยแล้ว ต่อมาหลวงพ่อสง่า
เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันก็กดพิมพ์สร้างพระต่อจนมวลสารหมด
ได้พระทั้งหมดประมาณสองถึงสามหมื่นองค์
ในปีพ.ศ.2543จึงได้จัดพิธีพุทธาภิเษกในพระอุโบสถ์ที่วัดพระศรีอารย์
โดยนิมนต์พระเกจิอาจารย์หลายท่านร่วมปลุกเสก ได้แก่ พลวงพ่ออุตตมะ
วัดวังวิเวการาม หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม และหลวงพ่ออุทัย
วัดมฤคทายวัน(วัดเกาะตาพุด) อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี