หลวงพ่อโฉม'วัดตำหนักพระบริสุทธสงฆ์แห่งเมืองสามโคก
ปทุมธานี หรือเมืองสามโคก ในอดีตเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์และมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า ควบคู่กับกรุงศรีอยุธยา โดยเมืองสามโคกมีสถานะเป็นเมืองตรี ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเสิศหล้านภาลัย ได้พระราชทานนามเมืองสามโคกใหม่ว่า ปทุมธานี คือ เมืองแห่งดอกบัว
จ.ปทุมธานี มีชาวมอญที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จำนวนมาก ดังนั้นศิลปะมอญหลายแขนงจึงมีการสืบทอดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมมาจนถึงทุกวันนี้ รวมทั้งสายวิชาพระเวชวิทยาคม การลงอักขระ ปลุกเสกเครื่องรางของขลัง สายรามัญ ดังเช่น พระคณาจารย์ผู้ทรงคุณวิเศษหลายรูป อาทิ เจ้าคุณรามัญมุณี วัดบางหลวง, หลวงพ่อช้าง วัดเขียนเขต, หลวงพ่อญัติ วัดสายไหม, หลวงปู่ด๊วด วัดคลองสี่, หลวงพ่อเทียน วัดโบสถ์ ฯลฯ
กล่าวสำหรับ หลวงพ่อจ่าง เกศโร วัดไผ่ล้อม อ.สามโคก ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ยุคเก่า ผู้เรืองเวทวิทยาคมอย่างมากในสมัยนั้น ท่านมีความเชี่ยวชาญในเรื่องกรรมฐาน และลงอักขระบนตะกรุด มีอานุภาพทางคงกระพันชาตรี จนเป็นที่เลื่องลือกันมาก ปัจจุบันผู้สืบสานพุทธานุคมสายหลวงพ่อจ่าง ก็คือ หลวงพ่อโฉม เตชวโร (พระครูปทุมอรรถสุนทร) วัดตำหนัก
หลวงพ่อโฉม มีนามเดิมว่า บุญถม ภู่ห้อย เกิดวัดเสาร์ เดือน ๓ ปีกุล พ.ศ.๒๔๖๖ เป็นบุตรคนโตในบรรดาพี่น้อง ๓ คนของ คุณพ่อฉิน (หลวงพ่อฉิน) คุณแม่แจ๋ว ภู่ห้อย จบการศึกษาระดับ ป.๔ จากโรงเรียนสามัคยาราม เมื่ออายุได้ ๒๐ ปี ท่านได้สมัครเป็นทหารรับใช้ชาติอยู่ ๒ ปี จากนั้นท่านได้อุปสมบท ณ วัดป่างิ้ว โดยมี พระครูถาวรกิจโกศล (ฟ้อน โชติปาโล)เป็นพระอุปฌาย์ ท่านบวชอยู่ได้ ๑ พรรษา ก็ลาสิกขาออกมาช่วยโยมพ่อ โยมแม่ทำนา เลี้ยงน้องในฐานะพี่ชายคนโต และได้สมรสมีบุตรธิดาทำอาชีพสุจริต
ยามว่างท่านมักจะไปขอเรียนวิชากับหลวงพ่อฉิน ผู้เป็นบิดาเสมอ และมักไปต่อวิชากับหลวงพ่อหอม วับางเตยกลาง สองศิษย์เอกแห่งหลวงพ่อจ่าง วัดไผ่ล้อม จนชำนาญ ท่านได้นำวิชาที่ร่ำเรียนมาสงเคราะห์ชาวบ้านในละแวกนั้น ตั้งแต่ยังเป็นฆราวาส
ต่อมาเมื่อมีอายุ ๔๐ ปี ท่านเกิดเจ็บหนัก เกือบเอาชีวิตไม่รอด ท่านจึงอธิษฐานว่า หากท่านรอดชีวิตไปได้ จะใช้ชีวิตที่เหลือถวายพระศาสนา เมื่อท่านหายป่วย จึงได้อุปสมบทอีกครั้งที่วัดดอกไม้ โดยมีพระครูธีรานุวัตร (หลวงพ่อหอม) วัดบางเตยกลาง เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากนั้นท่านก็ยังไปศึกษาวิชาอาคมเพิ่มเติมในบางวิชาและฝึกกรรมฐานขั้นสูงจากหลวงพ่อฉิน และหลวงพ่อจ่าง จนท่านได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดตำหนัก อ.สามโคก จ.ปทุมธานี
สรรพวิชาอาคมที่ท่านได้ร่ำเรียนมา ท่านสามารถทำของให้ขลังได้โดยไม่เป็นรองใคร โดยเฉพาะตะกรุดตำราหลวงปู่จ่าง ที่ท่านได้รับถ่ายทอดมา โดยอาศัยการลงตัว "นะ" เพียงตัวเดียวเท่านั้น ท่านได้ลงตะกรุดแบบนี้แจกให้ลูกศิษย์ไว้ใช้ จนเป็นที่ประจักษ์ด้านแคล้วคลาด คงกระพัน ในพื้นที่แถบสามโคกเลื่องลือกันมาก
หลวงพ่อโฉมอธิบายว่า “นะ” ตัวนี้เป็นต้นแบบ เป็นประธานแห่งมนต์ทั้งหมด มนต์สำคัญๆ ต้องขึ้นต้นด้วย "นะ" ทั้งนั้น และที่สำคัญไม่ว่าจะเป็น "นะ" ใดๆ ทั้ง ๑๐๘ นะ ล้วนปลุกเสกด้วยคาถาแม่บท ซึ่งกล่าวถึงตัว "นะ" ไว้หมดสิ้น เมื่อนำ นะ มาลงในโลหะม้วนเป็นตะกรุด ก็จะมีพุทธคุณครอบจักรวาล ทั้งเมตา มหาเสน่ห์ มหานิยม แคล้วคลาด คงกระพัน กันอาวุธ
ในเรื่องการปลุกเสก หลวงพ่อโฉม เปิดเผยว่า อักขระเลขยันต์นั้น จะมากน้อยไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่จิตผู้เสกจิตดีปกติแจ่มใส สุขภาพดี เป็นสมาธิ แน่แน่ว เรื่องเวลานั้นไม่สำคัญสัก ๑๐ ถึง ๒๐ นาที ก็ใช้ได้แล้ว แต่ถ้าจิตไม่ดี ไม่มีสมาธิ นั่งเสกกันทั้งวันก็ไม่เกิดประโยชน์
และอีกอย่าง คือ ปฏิภาคนิมิต คือ นิมิตที่เราขึ้นตามจิตแห่งตน ลงอักขระเลขยันต์เยอะแยะมากมาย แต่นิมิตปฏิภาคไม่เกิด ก็เท่านั้น สู้ลง "นะ" ตัวเดียวไม่ได้ ปฏิภาคนิมิตเกิดเห็น "นะ" นั้นชัดเจน ปรากฏขึ้น มันอยู่ที่จิต สมาธิจึงเป็นสิ่งสำคัญสุด
ส่วนเรื่องการทำเครื่องรางของขลังของหลวงพ่อโฉม โดยเฉพาะตะกรุด ท่านนิยมทำแบบโบราณ คือ เขียนทีละแผ่น เรียกสูตรกันทีละตัว ซึ่งท่านจะให้ความสำคัญมาก มีลูกศิษย์แนะนำให้ท่านใช้วิธีการปั๊มตะกรุด แต่ท่านปฏิเสธ ไม่เอาเป็นอันขาด ท่านว่ามันไม่ได้เรียกได้เสมอไป ทำหลอกเขา ข้าไม่เอา ถึงแม้ว่าปัจจุบัน หลวงพ่อจะชราภาพมากแล้วก็ตาม แต่ตะกรุดของท่านก็ยังใช้การจารยันต์ด้วยมือ ถึงท่านมิได้จารด้วยตัวท่านเองทั้งหมดทุกดอก ท่านจะมอบหมายให้ลูกศิษย์ที่ท่านครอบครูแล้ว เป็นคนช่วยจารแทน แล้วท่านจะลงครอบและเสกกำกับ ด้วยตัวท่านเองทุกครั้ง ท่านบอกว่า ยังไงก็ดีกว่าปั๊มเอา เพราะมันทำและจารด้วยใจ จึงไมน่าแปลกว่า ตะกรุดของท่านมีประสบการณ์มากมาย
ในด้านการพัฒนาวัดตำหนัก แต่เดิมแรกวัดนี้มีเพียงอุโบสถ และกุฏิ เพียงหนึ่งหลัง แต่ปัจจุบันท่านได้สร้างและบูรณะถาวรวัตถุภายในวัดขึ้นมามากมาย แตกต่างจากในอดีตโดยสิ้นเชิง
หลวงพ่อโฉมเป็นพระบริสุทธสงฆ์ที่อยู่อย่างสมถะ เรียบง่าย ไม่สะสมทรัพย์สินใดๆ ใครให้ท่านทำอะไร ถ้าไม่เหนือบากกว่าแรง ท่านจะสงเคาระห์ให้เสมอ ท่านมีเมตาต่อสาธุชนทุกคน เข้าพบง่าย ท่านเป็นพระโบราณ ที่พูดจริงทำจริง เวลาทำวัตถุมงคลต้องดูฤกษ์มงคล ต้องทำพิธีกรรมตามแบบโบราณ ไม่สุกเอาเผากิน ดังนั้นวัตถุมงคลของท่านจึงออกมาไม่กี่รุ่น บางอย่างก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกศิษย์ เช่น เหรียญรุ่นแรก ปี ๒๕๓๘ รุ่นประสบการณ์ และรูปเหมือนหล่อโบราณ ปี ๒๕๕๐ ซึ่งหายากแล้ว
เมื่อเร็วๆ นี้คณะศิษย์ได้จัดทำ "ผ้ายันต์รอยมือ" ถวายหลวงพ่อจำนวน ๔๐ ผืน โดยหลวงพ่อปั๊มเองทุกผืน พร้อมกับมีตัวเลขและโค้ดกำกับ ทำบุญผืนละ ๑,๕๐๐ บาท เพื่อนำรายได้บูรณะเสนาสนะภายในวัดที่ชำรุดทรุดโทรมจากปัญหาน้ำท่วมอย่างหนักเมื่อไม่นานมานี้ ติดต่อบูชาได้ที่ วัดตำหนัก โทร.๐๘-๓๒๔๙-๖๓๐๘, ๐๘-๕๕๑๖-๓๗๒๓
นอกจากนี้ยังมีวัตถุมงคลอื่นๆ อีกเล็กน้อย อาทิ พระพิมพ์สมเด็จหลังรูปเหมือน เหรียญรูปเหมือน รุ่นมงคลจักรวาล ตะกรุด ฯลฯ วัตถุมงคลเหล่านี้ Mr.Michael Lau พุทธศาสนิกชนชาวเมืองอิโปร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีความเคารพศรัทธาหลวงพ่อโฉมมาก ได้นำไปให้เพื่อนๆ ร่วมทำบุญด้วยจำนวนหนึ่ง จนเป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของชาวมาเลเซียมาก หลายคนบอกว่าหากมีโอกาสจะมากราบหลวงพ่อโฉมที่วัดด้วยตัวเอง
