สร้างน้อย หายากส์
สายนี้ ปล่อยผ่านไม่ได้แน่นอนครับ
ประวัติ พระครูสุจิตตานุรักษ์ (จวน สุจิตโต) วัดหนองสุ่ม สิงห์บุรี
ชาติกำเนิด พระครูสุจิตตานุรักษ์ (จวน สุจิตโต) เกิดเมื่อวันที่ 13 เดือนสิงหาคม พุทธศักราช 2458 วันศุกร์ ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ จุลศักราช 1277 เวลา 13.15 นาฬิกา ณ บ้านหนองสุ่ม ตำบลห้วยชัน อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี โยมบิดาชื่อ เคลือบ ทิพย์กรรณ์ โยมมารดาชื่อ อิน ทิพย์กรรณ์ เป็นบุตรคนสุดท้อง ในจำนวนพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 6 คน เป็นพี่ชาย 2 คน เป็นพี่สาว 3 คน และมีพี่น้องร่วมแต่บิดาเดียวกันอีก 4 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 1 คน โยมมารดาได้สิ้นชีวิตไปตั้งแต่ยังเยาวัย จึงได้อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของพี่สาวชื่อ นางสุขการศึกษาปฐมวัย พ.ศ.2467 ได้เข้าศึกษาเล่าเรียนที่โรงเรียนประชาบาลวัดหนองสุ่ม จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เพราะสมัยนั้นการเรียนมีเพียงชั้นประถมศึกษา 3 เท่านั้น ถือว่าเป็นการจบหลักสูตรประถมศึกษา อันมีครูฉาม เป็นครูใหญ่ และครูพิน เรืองสารณ์ เป็นครูใหญ่ต่อมา การบรรพชาอุปสมบท พ.ศ.2473 เมื่ออายุได้ 16 ปี บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดหนองสุ่ม ตำบลห้วยชันบ้านเกิดอยู่ 3 พรรษา ต่อมาก็ได้ลาสิกขาเพื่อไปช่วยพี่สาวปรพกอบอาชืพในการทำกสิกรรม พ.ศ. 2479 เมื่ออายุ 22 ปี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ณ พัทธสีมาวัดประศุก ตำบลประศุก อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี โดยมีพระสมุห์จรัสเจ้าอาวาสวัดประศุก เป็นพระอุปัชณาย์ พระมหาหล่ำ วัดเฉลิมมาศ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระครูพิศิษฐ์ลศีคุณ วัดปราสาท เป็นพระกรรมวาจารย์ เมื่ออุปสมบทแล้วได้มาอยู่จำพรรษาที่วัดหนองสุ่ม 1 พรรษาแล้วได้ย้ายไป อยู่ที่วัดโพธิ์ลังกา ตำบลท่างาม อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรีเพื่อศึกษา พระปริยัติธรรม ป้อมดำ ตลอดมาพ.ศ.2482 ได้ลาสิกขาจากเพศบรรพชิตไปประมาณ5เดือนเศษเนื่องจากพี่สาวที่อุปการะเลี้ยงดูไม่มีคนช่วยทำงานในการประกอบอาชืพกสิกรรมการลาสิขาครั้งนี้หลวงพ่อเล่าว่าความจริงใจแต่เดิมแล้วไม่อยากลาสิขาแต่อีกใจหนึ่งก็นึกสงสารพี่สาวที่อุปการะมาสำแต่ก็มีข้อแม้ว่าจะต้อง จับฉลากเสี่ยงทายเสียก่อนมี ข้อความว่า สึก ใบหนึ่งและ ไม่สึก ใบหนึ่งเป็นจำนวนหลายใบใส่ลงในบาตร อธิษฐานต่อหน้าพระพุทธรูปและจับฉลากนั้นขึ้นมา ปรากฎว่าครั้งแรกจับฉลากใบไม่สึกขึ้นมา จึงทำการจับฉลากใหม่เป็นครั้งที่ 2 แต่ปรากฎว่าจับฉลากถูกใบไม่สึกอีก จึงตัดสินใจขอจับฉลากเป็นครั้งที่ 3 โดยตั้งปณิธาน ไว้ว่าถ้าถูกอย่างไหน จะยึดถือปฎิบัติเอาอย่างนั้น ครั้งที่ 3 นี้ ปรากฎว่า ได้ใบสึก จึงตัดสินใจ ลาสิขาไปตามคำปณิธานที่ตั้งไว้ ทั้งๆ ที่ยังรักและอาลัยในเพศพรหมจรรย์อยู่ แต่ด้วยความกตัญญกตเวที ที่มีต่อพี่สาวที่ได้อุปพ.ศ.2483 เมื่ออายุได้ 26 ปี ได้ทำการอุปสมบทใหม่อีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2483 ณ พัทธสีมา วัดประศุก ตำบลประศุก อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี โดยมี พระครูพิศิษฐ์ศีลคุณ เจ้าอาวาส วัดประศุก เป็นพระอุปชฌาย์ พระใบฎีกาถนอม วัดประสาท เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระมหาเพี้ยน วัดโพธิ์ลังกา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้มาจำพรรษา อยู่วัดหนองสุ่ม ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจุบัน เป็นเวลา 35 พรรษาการะมาหรับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายนั้นพี่สาวก็ไปกู้หนี้ยืมสินผู้อื่นมาซื้อให้ด้วยเมื่อไม่ลาสิขาไปก็กลัวพี่สาวจะเสียใจจึงตัดสินใจลาสิขาการศึกษาพระปริยัติธรรม เมื่ออายุครบ 16 ปี บรรพชา เป็นสามเณร 3 พรรษา ศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ.2473 สอบได้นักธรรมชั้นตรี พ.ศ. 2474 สอบได้นักธรรมโท เมื่ออายุได้ 26 ปีอุปสมบทแล้ว ได้ไปศึกษา พระปริยัติธรรม ที่สำนักเรียน วัดโพธิ์ลังกา ตำบลท่างาม อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี พ.ศ.2475 ได้ศึกษา ภาษาบาลี จากพระใบฎีกาเกลี่ยนที่ วัดนก และไป ศึกษาภาษาบาลีที่ วัดเฉลิมมาศ อีก แต่ก็มีอุปสรรค ได้ล้มเลิก กลางคันเสี่ยก่อน พ.ศ.2483 สอบได้นักธรรมตรี พ.ศ. 2484 สอบได้นักธรรมโทพ.ศ. 2485 สอบได้นักธรรมชั้นเอก ดังปรากฎเห็นได้อย่างแน่ชัดว่าพระครูสุจิตรตานุรักษ์(จวน สุจิตโต)มีสติปัญญาสามารถวิริยธุสาหะศึกษาหลักธรรมวินัยได้อย่างลึกซึ้งรู้และเข้าใจพระธรรมวินัยอย่างถูกต้องดังปรากฎการสอบนักธรรมชั้นตรีและโทได้ซึ้งท่านเองก็สอบได้ทั้ง 2 ครั้งสองคราวแสดงถึงสติปัญญาความสามารถของท่านได้เป็นอย่างดีในสมัยนั้นการศึเมื่อเข้ามาทำการอุปสมบทใหม่ก็จะต้องสอบใหม่หมดดังกรณีพระครูสุจิตตานุรักษ์(จวน สุจิตโต) เป็นตัวอย่าง พ.ศ. 2487 ได้หันมาสนใจศึกษา(วิชาไสยศาสตร์) ครั้งแรกเริ่มเรียนกับหลวงพ่อแป้นวัดบ้านไร่ อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ในวิชาเกี่ยวกับทำพวกเครื่องรางของขลังเรียนวิชาทำผ้ายันและอื่นๆ จากคุณครูโฉม อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี เรียนวิชาตระกรุดโทนจากหลวงพ่อกองพระอาจารย์ผู้มีเกียรติคุณแห่งจังหวัดสุโขทัยและกับอาจารย์ทางวิชาไสยศาสตร์อื่นๆพร้อมกันนี้ก็ได้เรียนอักษรขอมด้วยต้นเองและก็มีความสนใจในวิชาไสยศาสตร์มาก
#
#ตำแหน่งหน้าที่ทางคณะสงฆ์พ ศ 2494 เป็นเจ้าอาวาสวัดหนองสุ่ม ต่อมาเป็นครูสอนพระปริยัติธรรมประจำวสำนักวัดหนองสุ่ม และเป็นกรรมการคุมสอบนักธรรมสนามหลวง ที่สนามสอบวัดเฉลิมมาศ อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เป็นผู้อุปการะโรงเรียนประชาบาลวัดหนองสุ่มการก่อสร้างและปฏิสังขรณ์ พ ศ 2491 งานก่อสร้างครั้งแรกคือสร้างหอประชุม (ปัจุบันได้รื้อไแแล้ว) สีน้ำเงิน ประมาณ6000 บาท(หกพันบาท) พ ศ 2492 สร้างอุโบสถ์แบบยกพื้น ด้วยไม้ทั้งหลัง มุงหลังคาด้วยกระเบื้องขึ้นทั้งหลังกว้าง 4 วายาว 8 วา สิ้นจำนวนเงินประมาณ 10000 บาท (ประมาณหนึ่งหมืนบาท) ปัจจุบันอุโบสถหลังเก่านี้ยังปรากฏมีอยู่แต่ก็ชำรุดทรุดโทรมมากพ ศ 2501 สร้างศาลาการเปรียญ กว้าง 8 วา ยาว 14 วา สิ้นจำนวนเงินประมาณ 100000 (ประมาณหนึ่งแสนบาท) และทำการบูรณะปฏิสังขรณ์หลายคราว พ ศ 2512 ได้ปรับปรุงปฏืสังขรณ์กุฏิใหม่หมดรวม 8 หลัง เพราะกุฏิเดิมปลูกสร้างไว้นั้นไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยและเพื่อพัฒนาวัดให้มีบริเวณวัดกว้างขวางยิ่งขึ้นจึงย้ายกุฏิที่มีอยู่เดิมไปปลูกสร้างถอยหลังไปทางเขตท้ายวัดทางด้านทิศตะวันตกสภาพของกุฏิใหม่ยังคงรักษาทรงไทยแบบบ้านโบราณอยู่ มองดูสวยงามมาก สิ้นจำนวนเงินประมาณ 100000 (ประมาณหนึ่งแสนบาท)พ ศ 2513 ได้สร้างหอระฆังขึ้น 1 หลังเป็นจำนวนเงิน 30000 บาท (สามหมืนบาท) ผู้ที่ศรัทธาคือ นายสุนทร นางประมวล แสงมณี สร้างถวาย ชื่อ หอระฆัง แสงมณี พ ศ 2514 ได้ร่วมกรมอนามัยสร้างถังน้ำประปาเพื่อใช้ในกิจกรรมต่างๆ ของวัด โดยบริจาคทรัพย์ส่วนตัวร่วมกันฝ่ายละครึ่งเป็นจำนวนเงิน 8000 (ประมาณแปดพันบาท) พ ศ 2514 เป็นประธานในการติดต่อกับทางราชกาล กรมอนามัย สร้างสถานีอนามัยชั้น 2 ประจำตำบลห้วยชันเพื่อสะดวกแก่ชาวบ้านในเมื่อเกิดเจ็บป่วยพ ศ 2514 พิจารณาเห็นว่าอุโบสถที่สร้างขึ้นครั้งแรกนั้นไม่ถาวรเท่าที่ควร เพราะสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง จึงได้ดำเนินการก่อสร้างขึ้นใหม่แบบถาวรกระทัดรัดสวยงาม อุโบสถหลังใหม่นี้ กว้าง 26 เมตร ยาว 40 เมตร วางศิลาฤกษ์เมื่อวันจันทร์ที่ 8 มีนาคม พ ศ 2514 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาแล้วและผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิตเสร็จเรียบร้อย เมื่อวันที่13 -21 กุุมภาพันธ์ พ ศ 2518 สิ้นจำนวนเงินประมาณ 900000 บาท (ประมาณเก้าแสนบาทเศษ) พ ศ 2515 สร้างศารารับรองแขก กว้าง 6 ยาว 12 วา สร้างเป็นอาคารชั้นเดียว สิ้นจำนวนเงินประมาณ 80000 บาท (ประมาณแปดหมื่นบาทเศษ) พ ศ 2515 เป็นประธานติดต่อในการชวน คุณแม่พลอย ภูสง่า ให้บริจาคที่ดินจำนวน 5 ไร่เศษ ถวายเป็นสมบัติวัดหนองสุ่ม เพื่อสร้างโรงเรียนประชาบาลวัดหนองสุ่ม ปัจจุบันโรงเรียนประชาบาลวัดหนองสุ่มได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วโดยงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ พ ศ 2516 ท่านเป็นผู้มีส่วนร่วมพัฒนาหมู่บ้านหนองสุ่มให้เจริญรุ่งเรือง ถนนหนทางสะดวก สบายยิ่งขึ้นแต่ก่อน การคมนาคมก็สะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยร่วมมือกับทางราชกาลตัดถนนผ่านที่เอกชนจนถึงวัด เป็นทางหลวงจังหวัดเข้าหมู่บ้านประมาณ 10 ก มพ ศ 2517 ได้สร้างตึกครุภันฑ์ (โรงครัว) เป็นอาคารตึก 2 ชั้น 1 หลังและอาคารชั้นเดียว 1 หลังซึ้งกำลังก่อสร้าง กว้าง 6 วา 1 ศอก ยาว8 วา สิ้นเงินประมาณ 600000 (ประมาณหกแสนบาท) (เกียรติคุณพิเศษ) พระครูสุจิตตานุรักษ์(จวน สุจิตโต)เป็นพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณรูปหนึ่งประกอบด้วยศิลาจารวัตรอันดีงามตามลักษณะแบบสมมณะผู้รักสงบสุขุมเยือกเย็นมีเมตตากรุณาธรรมอันสูงส่งเป็นบูชารหบุคคลที่นำมาซึ่งความเคารพเลื่อมใสกราบไหว้บูชาของสาธุชนเป็นจำนวนมากและมีเกียรติคุณเป็นที่นิยมเชื่อถือของสาธุชนอย่างกว้างขวางและศักสิทธิ์
นอกจากการสร้างถาวรวัตถุในวัดหนองสุ่ม แล้วหลวงพ่อยังได้ให้ความอุปถัมภ์แก่วัด โรงเรียน และส่วนราชการทั้งในเขตจังหวัดสิงบุรี และใกล้เคียง โดยทั่วไป เช่น การบริจาคการก่อสร้างศาลาการเปรียญวัดท่า บริจาคและจัดตั้งกองทุนมูลนิธิโรงเรียนวัดหนองสุ่ม บริจาคกองทุนมูลนิธิ วัดก้าร้อง และบริจาคทุนการก่อสร้างอาคารสำนักการประถมศึกษา อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เป็นต้นประวัติของพระเดชพระคุณ พระครูสุจิตตานุรักษ์ (หลวงพ่อจวน) เป็นประวัติที่ควรแก่การยกย่องสรรเสริญที่ชนรุ่นหลังจะได้จดจำ และนำเอามาเป็นเยี่ยงอย่าง บั้นปลายชีวิตหลวงพ่ออาพาธด้วย โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง ลูกศิษย์ได้นำไปบำบัดรักษาทร่โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลสิงห์บุรี โรงพยาบาลอินทร์บุรี หลายครั้งอาการคงทรงกับทรุด และถึงแก่การมรณภาพเมื่อ วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฏาคม พ ศ 2536 (แรม 8 ค่ำ เดือน 8 ) รวมอายุได้ 79 ปี 35 พรรษา ต่อมาทางวัดหนองสุ่ม โดยพระครูพิทักษ์ศาสนวงษ์ เจ้าอาวาสวัดหนองสุ่ม คณะกรรมการวัดข้าราชกาล ศิษย์ยานุศิษย์ และ ประชาชน ได้ร่วมประชุมตกลงให้มีการจัดการพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อจวน สุจิตโต ในวันครบรอบมรณะ ปีที่ 6 ในวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฏาคม 2542 โดยมีเจ้าประคุณสมเด็จพุทธโฆษาจารย์ (พุฒ สุวฑฒโน ป.ธ.7) เจ้าอาวาสวัดสุวรรณาราม กรุงเทพมหานคร กรรมการมหาเถรสมาคม เป็นองค์ประธานฝ่ายสงฆ์ มีพระธรรมราชานุวัตร (หลวงเตี่ย) เจ้าคณะภาค 3 เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพมหานคร เป็นรองประธานฝ่ายสงฆ์ มีนายชนะศักดิ์ ยุวบูรณ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายนิคม บูรณพันธ์ศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในงานมีพระเถระชั้นผู้ใหญ่ พระภิกษุ สามเณร ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ข้าราชการการเมือง หัวหน้าส่วนราชการ ศิษย์ยานุศิษย์ พ่อค้า ประชาชน จากจังหวัดสิงห์บุรี และ ต่างจังหวัด มาร่วมงานพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่ออย่างมากมาย แม้ว่าหลวงพ่อท่านจะล่วงลับไปนานหลายปีจากไปเพียงแต่รูปสังขาร สาระแก่นสารชีวิต ประโยชน์กิจที่หลวงพ่อได้ประกอบกระทำไว้แล้วนั้น หาสูญสิ้นไปด้วยไม่ สมด้วยนัยพระพุทธภาษิตที่ว่า
""รูป่ ชีรติ มจุจาน่ นามโคตุต่ น ชีรติ""รูปกายของมนุษย์และสัตว์ย่อมคร่ำคร่า เสื่อมสิ้นไปแต่ชื่อโคตรสกุลความดีของผู้นั้น หาถึงความคร่ำคร่าเสื่อมสูญไปไม่
ข้อมูลนี้ผมได้นำมาเขียน จากหนังสื่อพัทธสีมานุสรณ์ วัดหนองสุ่ม 13-21 กุมภาพันธ์ 2518 และ หนังสือ พระครูสุจิตตานุรักษ์ เล่มสีแดงครับ เพื่อเผยแพร่เกียจติคุณและคุณงามความดีของหลวงพ่อที่มีต่อลูกศิษย์ทั้งหลายครับ ท่านใดที่อยากเผยแพร่ประวัติหลวงพ่อผมยินดีให้ข้อมูลต่างๆ ที่ผมเขียนลงไว้นี้ได้เลยครับ