เริ่ม 40 บาท ครับ เอาพระแท้ๆ มาแบ่งปันครับ พระพุทธชินราช หลวงพ่อผึ่ง ปี 2462 เนื้อผง วัดสว่างอารมณ์ จ.สุพรรณบุรี หายากมาก ตัวจริง ทันแท้ ดูง่าย ครับ น่าแขวนมากๆครับ + บัตรรับรอง DD

ปิด สร้างโดย: พระเครื่องเมืองสยาม  VIP  (1870)

“ สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ ” เป็นคำพังเพยสมัยใหม่ที่ค่อนข้างจะถูกต้อง แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ที่โชควาสนาและกาลเวลา ดั่งเช่นพระเครื่องของ หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพฯ สร้างสถานการณ์ให้เกิดแก่คนที่เครื่องบินตกแล้วไม่เป็นอะไร จึงทำให้มงคลวัตถุของหลวงพ่อสดมีชื่อเสียงกระเดื่องเลื่องลือกระฉ่อนไปทั่ว ประกอบกับคุณธรรมความดีในการประพฤติปฏิบัติของหลวงพ่อสดหาจุดติเตียนมิได้ จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนมงคลวัตถุของหลวงพ่อสดให้ดีเด่นในแนวหน้าของบรรดาพระเครื่องรุ่นราวคราวเดียวกัน ถือได้ว่า ผงวิเศษอิทธิเจ ปถมัง มหาราช ของ หลวงพ่อสด นั้นเป็นเลิศ
จะอย่างไรก็ดี เมื่อก่อนหลวงพ่อสดคิดจะสร้างมงคลวัตถุ ก็มานำเอาผงวิเศษของ หลวงพ่อผึ่ง ไปผสมผสานกัน เพราะท่านทั้งสองเป็นพระสงฆ์รุ่นราวคราวเดียวกัน
หลวงพ่อผึ่ง มีอายุสูงกว่า หลวงพ่อสด 1 ปี อุปสมบทก่อนหลวงพ่อสด 1 พรรษา อยู่กุฏิเดียวกัน ไปศึกษาหาความรู้ทางวิปัสสนากรรมฐานด้วยกัน อาจารย์เดียวกัน ทำผงวิเศษก็ทำด้วยกัน เมื่อตอนอยู่ร่วมกัน หลวงพ่อสดมาจำพรรษาอยู่ธนบุรี ส่วนหลวงพ่อผึ่งอยู่บ้านนอก อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง เป็นการรักถิ่นฐานอันเป็นภูมิกำเนิดของหลวงพ่อผึ่ง ทั้งหลวงพ่อผึ่งและหลวงพ่อสดต่างมุ่งในการส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป

หลวงพ่อผึ่ง หลวงพ่อสด มีจิตปรารถนาที่จะสร้างพระเครื่องไว้ในบวรพุทธศาสนา เพื่อเป็นการเผยแพร่พุทธธรรม พุทธสักการะ เพื่อบูชาหรือเพื่อสืบพระศาสนา จึงดำริสร้างผงวิเศษเก็บสะสมไว้โดยมิได้ว่างเว้น แสดงให้เห็นถึงปณิธานอันแน่วแน่ของท่านทั้งสอง ผงที่ทำนั้นคือ ผงอิทธิเจ ปถมัง ปิโย และมหาราช ในการทำผงวิเศษมิใช่ทำขึ้นได้ง่ายๆ จะต้องใช้เวลาไม่น้อย กว่าจะได้ผลวิเศษตามความต้องการ


พระผงอิทธิเจ พิมพ์ประภามณฑล
ผู้เขียนไม่มีความรู้ในทางนี้ จึงไปนมัสการเรียนถาม ท่านเจ้าคุณสุวรรณโมลี ขณะนั้นเป็นรองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี เพราะท่านเป็นลูกบ้านอำเภอสองพี่น้อง ทั้งเป็นลูกศิษย์ หลวงพ่อผึ่ง หลวงพ่อสด ที่วัดสองพี่น้องด้วย พอทราบการทำผงวิเศษของหลวงพ่อผึ่งและหลวงพ่อสด อยู่บ้างพอสมควร
ท่านเจ้าคุณฯเล่าถึงการทำผงวิเศษ “ ปิโย ” ซึ่งแปลว่า “ รัก ” เอาชอล์กมาเขียนอักษรของ “ ปิ ” ลงบนกระดานดำ อันหมายถึงคำว่า “ ปิโย ” โดยเขียนแล้วลบๆๆๆๆ โดยมิได้หยุด ดังนี้

ปิโย เทวมนุสสานัง ปิโยมะมะ
ปิโย พรหมฺมนุสตมัง ปิโยมะมะ
ปิโย พรหมฺมนุสตมัง ปุสิสะวาจัง ปิโยมะมะ
ปิโย มาคะสุปันฺนานัง เสนาวาจัง ปิยังมะมะ
ปิยินทรียัง นมามิหัง ปิยังมะมะ ฯลฯ

เท่าที่กล่าวมาข้างบนนั้น เป็นเพียงกล่าวโดยย่อยังไม่หมด เมื่อจะทำ ผงอิทธิเจ ปถมัง หรือ มหาราช ก็ต้องท่องบทสวด อิทธิเจ ปถมัง มหาราช เช่นเดียวกัน
ท่านเจ้าคุณเล่าว่า เมื่อท่านเป็นเด็ก เห็นหลวงพ่อผึ่ง หลวงพ่อสด ใช้ดินสอพองเขียนบนกระดานดำ (ไม่ใช่ชอล์ก) จะทำผงชนิดไหนก็เขียนตัวอักขระขอมลงไป แล้วเขียนซ้ำรอยเดิม พร้อมกับท่องคาถากำกับไปด้วย เขียนไปลบไป ท่องคาถาไปจนครบนโมพุทธายะ

ถ้าเป็นผง “ ปิโย ” ก็จะอธิษฐานว่า “ ปิคงกระพัน ปิเมตตา ปิสิเน่หา ปิมหาอุด ” ลบเรื่อยไป แล้วสร้างยันต์องค์พระ
ชั้นล่างของยันต์องค์พระเรียกว่า “ ตรีนิ ” ท่อนที่สอง “ อัครนิ ” ท่อนที่สาม “ ชาตานิ ” ส่วนยอดขององค์พระ คือ อุณาโลม ยนฺฌายเต นโมพุทธายะสัทโนพุทโธ ฯลฯ
ท่านเจ้าคุณเล่าต่อไปว่า ตอนที่ท่านเป็นเด็กเห็น หลวงพ่อผึ่ง หลวงพ่อสด เดินเก็บเกสรดอกไม้ทุกๆ วัน นำเอามารวบรวมเก็บไว้เพื่อป่นให้ละเอียดผสมวิเศษของท่าน โดยเฉพาะ หลวงพ่อสด เก่งผงมหาราช

หลวงพ่อผึ่ง สร้างพระเครื่องก่อนหลวงพ่อสดหลายสิบปี ต่างก็เอาผงที่ทำมาผสมปนเปกันเพื่อให้เกิดความขลัง หลวงพ่อผึ่ง สร้างพระก่อนก็เอาของหลวงพ่อสดมาก่อน พอหลวงพ่อสดสร้างพระวัดปากน้ำก็มาเอาผงวิเศษของหลวงพ่อผึ่งไปผสมด้วยเช่นกัน

หลวงพ่อผึ่ง มาสร้าง วัดสว่างอารมณ์ราษฎร์ หลวงพ่อสดเข้าไปอยู่ธนบุรี จำพรรษาอยู่ที่วัดปากน้ำ อ.ภาษีเจริญ หลวงพ่อหอมไม่ได้ไปไหนอยู่ที่ วัดสองพี่น้อง หลวงพ่อชั้วไปอยู่ วัดละครทำ จะอย่างไรก็ดี ทั้ง หลวงพ่อสด หลวงพ่อผึ่ง หลวงพ่อหอม และหลวงพ่อชั้ว ยังไปมาหาสู่กันเสมอๆ เมื่อหลวงพ่อสดสร้างพระเครื่องเนื้อผงก็เอาผงของหลวงพ่อผึ่งมาผสม ส่วนหลวงพ่อสดนั้นยังไม่ได้สร้างอะไรเลย เพียงแต่ทำผงวิเศษเก็บไว้ๆ เท่านั้น หลวงพ่อชั้วสร้างพระผงยาเมื่อ พ.ศ.2482 ก็คงจะมาเอาผงของหลวงพ่อผึ่งและหลวงพ่อสดไปผสมด้วย ดังนั้น ทั้งพระของหลวงพ่อสด หลวงพ่อผึ่ง และพระผงยาของหลวงพ่อชั้ว ต่างมีผงวิเศษผสมอยู่ด้วยกัน
ชาวตลาดบางลี่ จ.สุพรรณบุรี เล่าให้ฟังว่า ในขณะที่ หลวงพ่อผึ่ง จำพรรษาอยู่ที่ วัดสองพี่น้อง หลวงพ่อสดเดินทางมาจากวัดปากน้ำ เพื่อมาเยี่ยมหลวงพ่อผึ่ง ขณะนั้นหลวงพ่อสดยังเป็นพระธรรมดา ยังหาได้มีชื่อเสียงแต่ประการใดไม่ เมื่อทั้งสองพบกัน ทำการทดสอบความรู้ทางวิปัสสนากรรมฐานที่ได้เล่าเรียนมาว่า ยังมีความขลังดีอยู่หรือ ไม่ใช่เป็นการอวดอุตริมนุษยธรรม
ท่านให้ลูกศิษย์วัดนำเอาถ้วย 2 ใบรินน้ำชาใส่ลงไปในถ้วย แล้วหลวงพ่อผึ่ง หลวงพ่อสด นั่งสมาธิอยู่ด้านหน้าถ้วยทั้ง 2 ใบ



หลวงพ่อทั้งสองนั่งนิ่งเพ่งถ้วยน้ำชา พร้อมกับบริกรรมคาถาไปด้วย ชั่วพักเดียวต่างก็ลืมตาขึ้น บอกให้พระ-เณรซึ่งนั่งดูพิธีกรรรมอยู่โดยรอบ ลองดื่มน้ำชาในถ้วยดูซิว่าเป็นอย่างไร
ปรากฏว่า ถ้วยของหลวงพ่อสดเปลี่ยนเป็นน้ำธรรมดา ไม่มีรสชาติแต่ประการใด ส่วนถ้วยของหลวงพ่อผึ่งนั้น กลายเป็นเหล้าโรงไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ ผู้ดูอยู่รอบๆ ต่างแปลกใจไปตามๆ กัน ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้นได้

เมื่อครั้ง “ สมเด็จป๋า ” หรือ สมเด็จพระสังฆราชอริยวงศาคตญาณ สกลมหาสังฆปริณายก องค์ที่ 17 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (ปุ่น ปุณฺณสิริ) ยังเป็นเด็กลูกศิษย์วัดสองพี่น้องอยู่

คืนวันหนึ่ง หลวงพ่อผึ่ง ฝันเห็นช้างเผือกเชือกหนึ่งเดินเข้าออกประตูกุฏิของท่าน หลวงพ่อผึ่งทำนายว่า คงจะมีใครคนใดคนหนึ่งในบรรดาลูกศิษย์วัดสองพี่น้องทั้งหลาย คนหนึ่งจะได้เป็นช้างเผือก เป็นใหญ่เป็นโตไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ซึ่งก็เป็นความจริง เด็กชายเล็กๆ คนหนึ่งชื่อ ปุ่น วิถีชีวิตค่อยๆ ก้าวย่างขึ้นสู่บัลลังก์ สมเด็จพระสังฆราช แห่งประเทศไทย โดยไม่มีใครคาดฝัน แต่หลวงพ่อผึ่ง ท่านไม่ทันได้ชมบุญบารมีของ สมเด็จป๋า เพราะท่านถึงแก่มรณภาพเสียก่อน
งได้กล่าวมาแล้วว่า หลวงพ่อผึ่ง หลวงพ่อสด ต่างทำผงวิเศษเก็บไว้ๆ เป็นจำนวนมาก หลวงพ่อผึ่ง ดำริสร้างพระเนื้อผงขาวแบบตระกูลพระสมเด็จขึ้นมาเป็นพิมพ์ต่างๆ แปลกออกไปจากพระสมเด็จ ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า หลวงพ่อผึ่ง สร้างมงคลวัตถุขึ้นเมื่อใด ผู้ที่เห็น หลวงพ่อผึ่ง สร้างพระก็จำ พ.ศ. ไม่ได้ชัดเจน

ทำให้เห็นได้ว่า ทั้ง หลวงพ่อผึ่ง และ หลวงพ่อสด ต่างเตรียมการที่จะสร้างมงคลวัตถุ เพื่อเป็นการเผยแพร่พุทธศาสนาให้คงอยู่ไปอีกนานเท่านาน มาเป็นเวลานานไม่น้อยกว่า 10 ปีทีเดียว ท่านจึงพยายามคร่ำเคร่งอยู่กับการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อให้เกิดฌานสมาบัติอันแก่กล้า ยังความขลังให้เกิดแก่มงคลวัตถุที่ท่านได้สร้างขึ้น เพื่อพุทธบูชาเพื่อสืบพระศาสนาให้ยืนยาว
ในการสร้างพระสมเด็จ หลวงพ่อผึ่ง ใช้สายสิญจน์ 108 เส้น วงรอบบริเวณที่จะพิมพ์พระเป็นวงกลม ผู้ที่จะพิมพ์พระต้องชำระล้างร่างกายให้สะอาด ต้องล้างมือล้างเท้าก่อนเข้าไปในวงสายสิญจน์ เวลาพิมพ์พระต้องทำใจให้บริสุทธิ์ ห้ามพูดห้ามคุยกัน กว่าจะได้พระจำนวน 84,000 องค์ ต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ เสร็จแล้วเอาเข้าอุโบสถในที่ชุมนุมสงฆ์สวดเช้า-เย็นกลางคืนอีกเป็นเวลา 3 เดือน เสร็จแล้วท่านเอามาปลุกเสกเดี่ยวในกุฏิของท่านตั้งแต่เวลา 21.00 น. จนถึงเวลา 24.00 น. ทุกๆ คืนจนครบไตรมาส บางทีก็ปลุกเสกคู่กับหลวงพ่อสด

หลังจากพิธีกรรมปลุกเสกเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อผึ่ง ก็นำเอาพระเหล่านั้นแจกศิษยานุศิษย์ ใครไปหาท่านๆ ก็มอบให้คนละหนึ่งองค์ โดยไม่มีผลตอบแทนแต่ประการใด เป็นการเผยแพร่พุทธศาสนาให้มั่นคงถาวรอีกนานเท่านาน
ท่านแจกให้คนละหนึ่งองค์จริงๆ ใครจะขอเอาไปฝากเพื่อนฝูง หรือญาติพี่น้อง ท่านจะไม่ยอมให้เป็นอันขาด ท่านบอกว่า ขอให้เขามารับเองด้วยใจศรัทธาจะเกิดความขลังมากกว่าการเอาไปฝากกัน ถือว่าเป็นการขาดศรัทธา


เมื่อท่านแจกให้ท่านจะพูดว่า “ ให้เก็บรักษาให้ดี ต่อไปจะหายาก ”

ดังได้กล่าวมาแล้วว่า วัดสว่างอารมณ์ราษฎร์ เป็นที่ราบลุ่ม สูงกว่าระดับน้ำทะเลเพียง 1 เมตรเท่านั้น น้ำจึงท่วมทุกๆ ปี ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือร่วมใจจากชาวบ้านเป็นอย่างดี ใครก็ตามที่มาทำงานกับท่าน ท่านจะแจกพระให้กับทุกๆ คน ผู้หญิงมักจะแจกเป็น รูปนางกวัก ผู้ชายจะเป็น พิมพ์ประทานเอหิภิกขุ หรือที่เรียกกันโดยทั่วๆ ไปว่า “ พุทธกวัก ”

พระรุ่นที่ท่านแจกมีคนนำเอาไปใช้ถูกเหงื่อไคล เนื้อสวยงามมาก คล้ายกับเนื้อพระสมเด็จวัดเกศไชโย บางองค์ลงรักปิดทอง กาลเวลาผ่านไปเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 97 ปี ทองที่ปิดแตกระแหง สีเหลืองอร่ามน่าใช้มาก มีจำนวนน้อยหาได้ยากมาก
พอจะประเมินได้ว่า พระหลวงพ่อผึ่ง สร้างขึ้นในขณะที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดสองพี่น้องก่อน พ.ศ.2462 อย่างแน่นอน แต่จะก่อนสักกี่ปีหาทราบชัดเจนได้ไม่ หากจะคำนวณก็คงจะไม่น้อยกว่า 95-97 ปี นับว่าเป็นพระเครื่องของพระเกจิอาจารย์ที่มีอายุค่อนข้างมากทีเดียว

เมื่อ หลวงพ่อผึ่ง มาสร้างและจำพรรษาที่ วัดสว่างอารมณ์ราษฎร์ ท่านได้นำเอาพระของท่านซึ่งทำไว้เป็นจำนวนมากมาแจกให้แก่ผู้มีศรัทธามาช่วยกันทำงานให้กับวัดอีกด้วย ท่านแจกเรื่อยมาเป็นเวลานานอีกเป็นปีๆ อย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่า 5 ปี
“ ผงอิทธิเจ ของ หลวงพ่อผึ่ง ศักดิ์สิทธิ์ขนาด หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ยังต้องไปขอท่านสร้างพระของขวัญ ตั้งแต่รุ่นแรก ” อานุภาพของ ผงอิทธิเจ ซึ่ง “ หลวงพ่อผึ่ง ” ท่านสำเร็จวิชานี้นั้น มีคุณวิเศษมากมายเกินพรรณนาตามโบราณจารย์ท่านกล่าวไว้ว่า

ผงอิทธิเจ เกิดจากอานุภาพของ ผงปถมัง มีปรากฏหลายด้าน คือ เมตตามหานิยม แต่หนักไปทางด้านคงกระพันชาตรี มหาอุด แคล้วคลาด กำบังล่องหน และป้องกันภูตผีปีศาจ ตลอดจนคุณไสยทั้งปวง
ผงอิทธิเจ เกิดจากการเอาผงปถมัง ที่สำเร็จแล้ว มาปั้นเป็นดินสอขึ้นอีก แล้วเขียนอักขระด้วยสูตรมูลกัจจายน์ และลบด้วยสูตรลบผงอิทธิเจ คัมภีร์โบราณกล่าวว่า ท่านพระมหากัจจายน์ คณาจารย์ในยุคก่อนเป็นผู้วางแบบแผนการสร้างสูตรอันนี้ไว้ ชนชั้นหลังต่อมาจึงได้เอานามของท่านมาเรียกชื่อสูตรว่า สูตรมูลกัจจายน์ หรือ มูลกระจาย ซึ่งเป็นรากฐานแห่งความรู้ในอักขระ พยัญชนะและสระขอม

การทำผงอิทธิเจ นั้นจะต้องร่ายอักขระ แล้วแปลงพยัญชนะและสระให้สำเร็จเป็นรูป เรียกว่า “ ลบขาดตัว ” ผงที่ได้จากการลบขาดตัวนี้เรียกว่า ผงอิทธิเจ ใช้เวลาทำประมาณ 3 วัน และต้องเขียนจนหมดดินสอที่เตรียมไว้ อานุภาพของผงอิทธิเจ เป็นผงวิเศษที่ให้พุทธคุณในด้านเมตตามหานิยมอย่างสูง และป้องกันรักษาโรคภัยไข้เจ็บ

Read more

เหลือเวลา
รายการปิดแล้ว!

วันที่เริ่ม September 03, 2024 08:31:50
วันที่ปิดประมูล September 04, 2024 15:56:15
ราคาเปิด20
เพิ่มครั้งละ20
ธนาคารกสิกรไทย (โลตัสรังสิต) ,

somchai77

ผู้เสนอราคาล่าสุด

700

ราคาล่าสุด


ความคิดเห็นจากผู้ซื้อ


i paid 410+700=1100 in a transaction bank receipt to you on 5Sept,please check properly.Thank you


somchai77September 13, 2024 07:46:55

ความคิดเห็นจากผู้ขาย



พระเครื่องเมืองสยามSeptember 12, 2024 08:10:44

รายละเอียดเพิ่มเติม


พระสมเด็จทั่วไป

พระเนื้อผง-เนื้อว่าน

พระชุดหลวงปู่ทิม-หลวงพ่อสาคร และ จ.ระยอง ชลบุรี

พระชุด จ.นครสวรรค์ สุพรรณบุรี ลพบุรี อยุธยา สระบุรี

พระเครื่องเมืองสยาม – September 04, 2024 04:59:26


ความเห็นจากเพื่อนสมาชิก

ประวัติการประมูล

ประวัติการเสนอราคา

ชื่อสมาชิก/วันที่เสนอราคา เสนอ

ประวัติการเสนอราคา

เหลือเวลา
รายการปิดแล้ว!


ต้องการเข้าร่วมประมูล !

ท่านต้องเป็นสมาชิกที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วเท่านั้น