พระกลีบบัวหลังยันต์ เนื้อเมฆพัด หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม สร้างราวปี พ.ศ. 2460-2477
(พร้อมบัตรรับรอง)
•••••พระหลวงปู่บุญเนื้อเมฆพัด ในหนังสือประวัติและการสร้างพระเครื่องของพระพุทธวิถีนายก(บุญ) เป็นหนังสือเล่มวัดเล่มแรก จัดทำขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๘ จำนวน ๕,๐๐๐เล่ม ให้ทำบุญที่วัดกลางบางแก้วเล่มละ ๑๘๐ บาท เขียนโดย อ.สุธน ศรีหิรัญ ได้กล่าวไว้ว่าพระเนื้อเมฆพัด เท่าที่สืบทราบอย่างแน่ชัดมีทั้งสิ้น ๗พิมพ์ และ๗พิมพ์ดังกล่าว ล้วนได้ข้อมูลมาจากผู้ที่ได้รับพระมาจากมาจากหลวงปู่บุญ โดยตรงทั้งสิ้น ล้วนแต่เป็นศิษย์ใกล้ชิดกับหลวงปู่และได้รับพระเนื้อเมฆพัดจากมือหลวงปู่บุญ(หลวงปู่แจกให้กับมือหลวงปู่เอง) ซึ่งผู้เขียนบอกว่าอาจจะมีมากพิมพ์กว่านี้แต่ทั้ง๗พิมพ์ที่จะกล่าวถึงนี้ แน่นอน ชีชัดด้วยประจักษ์พยานการได้รับมากับมือหลวงปู่โดยตรงทั้งสิ้น ผู้เขียนยังได้ฝากไว้ให้เป็นข้อคิดอีกอย่างหนึ่งว่า หลวงปู่บุญกับหลวงปู่นาค วัดห้วยจระเข้นั้นมีความสนิทสนมกันมาก ไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ และหลวงปู่นาคก็เปรียบเป็นเจ้าตำรับเป็นอาจารย์ใหญ่แห่งเนื้อเมฆพัด ดังนั้นหลวงปู่บุญก็คงจะได้รับสูตรการทำมาบ้างไม่มากก็น้อย โดยจะพบว่าพระเนื้อเมฆพัดของหลวงปู่บุญ เนื้อสีออกขาบเข้มดำ คล้ายกับพระปิดตาห้วยจระเข้ของหลวงปู่นาคมาก
เนื้อเมฆพัดทั้ง๗พิมพ์มีดังนี้คือ
๑.พระปิดตามหาอุด หลังอักขระสี่ตัว ทุ สะ มะ นิ (หัวใจพระปถมัง)
๒.พระปิดตามหาอุด หลังยันต์เทาะว์
๓.พระพิมพ์สมาธิกลีบบัวหลังปิดตา
๔.พระพิมพ์สมาธิกลีบบัวหลังอักขระสี่ตัว
๕.พระพิมพ์กลีบบัวซุ้มหลังปิดตา
๖.พระพิมพ์หลวงพ่อโตหลังปิดตา
๗.พระพิมพ์บัวเม็ด หลังยันต์ นะ มะ พะ ทะ แล้วมีเฑาะว์ขึ้นยอดอยู่ตรงปลาย
ในที่นี้เราจะขอกล่าวถึงพิมพ์ที่หนึ่งกัน ส่วนพิมพ์อื่นๆถ้ามีโอกาสจะมากล่าวถึงในโอกาสต่อไป
•••••พระพิมพ์เป็นพิมพ์แรกจากที่กล่าวมาคือพระปิดตามหาอุด หลังอักขระสี่ตัว ทุ สะ มะ นิ (หัวใจพระปถมัง)
คติโบราณถือสืบกันมาว่า
•••••ปถมังเป็นคัมภีร์แรก ที่ผู้ใคร่ศึกษาวิชาเวทมนตร์พึงจำเป็นต้องเรียนรู้ เพราะเมื่อเริ่มเรียนรู้สูตรในคัมภีร์ปถมังได้แล้ว ก็จะสามารถหัดลงเลขยันต์ต่าง ๆ ต่อไปได้
•••••กล่าวกันว่าที่มาของคัมภีร์ปถมังนี้ เริ่มแรกเมื่อครั้งต้น โลกนี้ยังเป็นที่ว่างเปล่าอยู่ พื้นแผ่นดินยังเพิ่งจะงวดจากน้ำ เริ่มจะเกิดเป็นพื้นดินขึ้นมา ท้าวสหัมบดีพรหมได้เล็งญาณลงมาแลเห็นดอกบัวโผล่พ้นระลอกน้ำขึ้นมา ๕ ดอก ก็ทราบด้วยญาณว่าในกัปนี้จะบังเกิดพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ๕ พระองค์ เป็นกำเนิดแห่งภัทรกัปอันประเสริฐยิ่ง แล้วจึงได้หยิบหญ้าคาทิ้งลงมาบนพื้นน้ำ น้ำนั้นก็งวดเป็นแผ่นดินขึ้น มีกลิ่นหอม เหล่าพรหมได้กลิ่นง้วนดินต่างลงมาเสพกิน ติดรสง้วนดินนั้นมิอาจกลับคืนสู่พรหมโลกได้ จึงได้ตั้งรกรากเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์สืบมาจนทุกวันนี้ ฉะนั้นก่อนจะเล่าเรียนคัมภีร์ปถมังจึงต้องกล่าวคำนมัสการสหัมบดีพรหมดังนี้_อังการะพินทุนาถังอุปปันนัง พรหมาสหัมปตินามะ อาทิกัปเป สุอาคะโต ปัญจะปทุมมังทิสวา นะโมพุทธายะวันทะนังฯ
•••••คัมภีร์ปถมังเริ่มแรกด้วยการทำพินทุ คือแววกลม ถือเป็นปฐมกำเนิด จากนั้นจึงแตกเป็นทัณฑะ เภทะ อังกุ และสิระตามลำดับ สำเร็จเป็นนะปถมังพินทุ
•••••เวลาทำใช้แท่งดินสอพองเขียนลงบนกระดานชนวน มีการเรียกสูตร บริกรรมคาถากำกับตลอด จนสำเร็จเป็นนะปถมัง มีการนมัสการและเสกตามลำดับ ขณะทำมีขั้นตอนและวิธีการที่สลับซับซ้อนพิสดารมาก ผู้สนใจควรศึกษาจากคัมภีร์ปถมังโดยตรง
•••••เนื้อหาของคัมภีร์ปถมังนี้มีทั้งสิ้น ๙ วรรค หรือ ๙ กัณฑ์ แต่ละกัณฑ์เป็นวิธีการทำผงเพื่อฝึกจิตอย่างพิสดารต่างกันไป โดยทุกวรรคหรือทุกกัณฑ์จะเริ่มต้นด้วยนะปถมังพินทุ
•••••จากนั้นจะแยกแยะไปเป็นอุณาโลม อุโองการ องค์พระภควัม หัวใจพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ ฯลฯ ต่างกันไปในแต่ละวรรค แต่ทุกวรรคจะจบที่สูญนิพพาน คือ นิพพานัง ปรมัง สุญญัง เหมือนกันทั้งสิ้น
ดังนั้นอักขระทั้งสี่ตัว ทุ สะ มะ นิ (หัวใจพระปถมัง)
ที่หลังพิมพ์พระที่หลวงปู่ทำขึ้นจึงสำคัญเป็นอย่างยิ่ง อุปเท่ห์โบราณของอักขระนี้ โดยส่วนใหญ่ ก็ใช้ไปในทางครอบจักรวาล...