"พระหางหมาก
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ปี 2533-2534" สุดยอดพระเครื่องที่มีพุทธานุภาพด้านการป้องกันและเจรจาเป็นที่จับใจ
“หลวงพ่อ” เมตตาเล่าให้ฟังว่า
“สมเด็จองค์ปัจจุบันเสด็จมาเป็นประธานเอง
ระหว่างปลุกเสกมองไปเห็นสมเด็จหางหมาก แต่ละองค์เปล่งแสงสว่างจ้ายิ่งกว่าดวงไฟ ๑๐๐
แรงเทียนซะอีก...”
“สมเด็จ ท่านตรัสว่า
อานุภาพของสมเด็จหางหมากนั้น รอบรัศมี ๔ เมตร กัมมัตภาพรังสีจะเข้าไม่ได้เลย
ถ้าใช้ในการรบเพื่อประเทศชาติ คำว่าตายรับรองว่าไม่มี แต่ถ้าใครนำไปใช้ในทางที่ผิด
จะถูกปืนยิงแสกหน้าตาย...!”
นี่
ขนาดกัมมันตภาพรังสีเข้าไม่ได้แล้วนะ ไม่ถึงครึ่งทางยังแทบตายเลย
ถ้ามันเข้าได้จะมีสภาพอย่างไรหนอ...? กัดฟันโซซัดโซเซต่อไป ตายก็ตายซิวะ...มาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าถอยหลังก็เสียชื่อลูกหลวงพ่อหมด...!
อานุภาพแห่ง “พระหางหมาก” อันลือเลื่องของ
“พระราชพรหมญาณ” (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
แห่งวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ทำให้ถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมากไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม
โดยเฉพาะอานุภาพที่ โดดเด่นด้านการคุ้มครองป้องภัย แคล้วคลาดจากคมหอก คมดาบ
กระสุนปืน หรืออาวุธอื่นๆที่ร้ายแรง หากอยู่ในรัศมีของพระหางหมากแล้ว
ย่อมปลอดภัยจากอันตรายที่ว่านี้ แม้แต่โรคระบาด การเจ็บไข้ได้ป่วย
ก็สามารถอธิษฐานให้บารมีของพระหางหมากช่วยให้บรรเทาจากอาการเหล่านี้ได้
ผู้บูชาพระหางหมากส่วนใหญ่มักจะประกอบอาชีพที่เสี่ยงอันตราย เช่น ทหาร ตำรวจ
หรือคนที่ต้องเดินทางไกลบ่อยๆ ทำให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง
แม้แต่คนทั่วไป ก็นิยมบูชาเช่นกัน
เนื่องจากศรัทธาในบารมีของหลวงพ่อฤาษีลิงดำและเชื่อในพุทธคุณของพระหางหมาก
จนหลายคนเกิดประสบการณ์มานักต่อนัก นอกจากนี้ พระหางหมากยังบูชาให้เกิดอานุภาพต่างๆได้
อยู่ที่การอธิษฐานจิตไม่ว่าจะเป็นด้านเมตตามหานิยม ด้านโภคทรัพย์
และนิยมบูชาร่วมกับ “พระคำข้าว”
ที่มีอานุภาพด้านเมตตามหานิยม
ซึ่งเป็นพระผงที่จัดสร้างโดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำเช่นกัน
เหตุที่เรียกว่า “พระหางหมาก”นั้น
ตามประวัติได้กล่าวไว้ว่า เนื่องจากพระรุ่นนี้ ได้ถูกสร้างขึ้นมาจากคำหมากเสก
ด้านหน้าขององค์พระสลักเป็นรูปพระพุทธทีปังกร อยู่ในปางสมาธิ
ส่วนด้านหลังขององค์พระสลักเป็นรูปหลวงพ่อฤาษีลิงดำ อิริยาบถนั่งในพัดอย่างสง่างาม
มีพิธีพุทธาภิเษกอันยิ่งใหญ่ในงานเป่ายันต์เกราะเพชรที่ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อปี พ.ศ. 2533
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พระหางหมากเป็นพระที่ทรงอานุภาพมากโดยเฉพาะด้านการคุ้มครองป้องภัยที่ยอดเยี่ยม
Read more