เหรียญสังฆาฏิ(นักกล้าม) เจ้าคุณนรฯ พิมพ์ ต หางยาว ปี2513 เนื้อทองแดงรมดำ
ท่าน “ธมฺมวิตกฺโก ภิกขุ" หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "เจ้าคุณนรฯ" เป็นพระสุปฏิปันโน
ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอย่างแท้จริง ยากที่จะหาพระผู้เด็ดเดี่ยว เฉียบขาดในการปฏิบัติธรรม
เสมอด้วยท่านอีกแล้ว ท่านเอาจริงเอาจังในการปฏิบัติทุกอย่าง
ด้วยศีลาจารวัตรอันบริสุทธิ์งดงามของท่าน นำพาท่านโดดเด่นขึ้นมาเป็นหลักชัยของหมู่ชน
พระเครื่องและวัตถุมงคลของเจ้าคุณนรฯ ล้วนมากด้วยพุทธคุณที่สูง และประสบการณ์ที่หลากหลาย
ทำให้ได้รับความนิยมทุกรุ่น
"เหรียญสังฆาฏิ" บางคนก็เรียกกันว่า "เหรียญนักกล้าม" ตามลักษณะของเหรียญที่มีความคมชัด
โดยเฉพาะส่วนที่เป็นแขนเห็นกล้ามอย่างเด่นชัด ซึ่งช่างได้แกะตามภาพต้นแบบได้เหมือนมาก
เหรียญนักกล้ามท่านเจ้าคุณนรฯ อธิษฐานจิตเมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๑๓ ประกอบด้วย
เนื้อทองคำจำนวน ๑๔๐ เหรียญ เนื้อเงิน ๓๕๐ เหรียญ เนื้อนวโลหะ ๑๔๕ เหรียญ
เนื้อทองแดง ๑๐๐,๐๐๐ เหรียญ เนื่องจากต้องสร้างเหรียญสังฆาฏิพิมพ์นี้เป็นจำนวนมาก
นายช่างเกษม มงคลเจริญ จึงต้องสร้างแม่พิมพ์ถึง ๕ ชุด
ด้วยวิธีแกะแม่พิมพ์แบบเหมือนจริง แล้วนำไปถอดเป็นแม่พิมพ์อีกครั้ง
ดังนั้นจะเห็นได้ว่ารูปท่านเจ้าคุณนรฯ ทั้ง ๕ พิมพ์ จึงเหมือนกันหมด จะแตกต่างกันที่ตัวอักษรเท่านั้น
เนื่องจากนายช่างเกษมมีงานจนล้นมือ ทำไม่ทัน จึงให้ นายช่างยิ้ม ยอดเมือง ช่วยแกะและตกแต่งตัวหนังสือ
ให้ชัดเจนอีกครั้ง จึงเป็นธรรมดาที่จะต้องมีความแตกต่าง ยิ่งเป็นการแกะบนเหล็กที่แข็ง การพลาด
จะเกิดริ้วรอยและตำหนิจึงเกิดขึ้น
ด้วยเหตุนี้เองทำให้เซียนพระมาแยกพิมพ์ในภายหลัง ประกอบด้วย
บล็อกทองคำ, บล็อก ต.หางยาว หลังลายผ้า และบล็อก ต.หางสั้น
เหรียญสังฆาฏิ ป็นวัตถุมงคลพระเครื่อง “รุ่นเดียว” ที่ท่านเจ้าคุณนรฯ อธิษฐานจิตปลุกเสกกลางแจ้งข้างกุฏินาน
หลายชั่วโมงเป็นกรณีพิเศษ และบังเกิดอภินิหารในขณะนั้นด้วย
ทั้งนี้สืบเนื่องจาก เจ้าคุณนรฯ ท่านทราบวัตถุประสงค์ของการสร้าง เพื่อนำไปแจก “รั้วของชาติ”
คือ ทหาร และตำรวจตระเวนชายแดน ตลอดจนส่วนหนึ่งเพื่อหารายได้สมทบทุนสร้างโรงเรียนนวมราชานุสรณ์
อันเป็นการช่วยชาติ
สอดรับเจตนารมณ์ของท่านจึงสั่งให้ ท่านเจ้าคุณอุดมฯ และลูกศิษย์นำ เหรียญสังฆาฏิใหญ่ ซึ่งบรรจุในลังไม้
ขนมาที่บริเวณฮวงจุ้ยข้างกุฏิของท่าน โดยคณะศิษย์กรุงเทพรวมช่าง เพื่อทำพิธีสวดอธิษฐานจิต ปลุกเสกกลางแจ้ง
โดยใช้เวลาประจุพุทธานุภาพนานกว่า ๒ ชม. เมื่อวันที่ ๑๖ ก.ค. ๒๕๑๓
ขณะเริ่มพิธีในช่วงโพล้เพล้ใกล้ค่ำก็บังเกิด “นิมิตหมาย”อันดี ฝนได้ตกพรำๆ ชุ่มช่ำไปทั่วอาณาบริเวณ
ทั้งๆ ที่ท้องฟ้าไม่มีเค้าเมฆฝนแต่อย่างใด ฝนตกผ่านไปประมาณชั่วโมงจึงขาดเม็ดพร้อมกับเป็นเวลาช่วงค่ำ
ก็เกิดเหตุการณ์อัศจรรย์อีกครั้ง ยุงเป็นจำนวนมากรุมเกาะผิวกายดูดเลือดท่านเจ้าคุณนรฯเต็มไปหมด
จนร่างขาวผ่องดำเมี่ยมไปด้วยยุง
สักพักหนึ่ง หลังจากฝูงยุงดูดเลือดจากร่างกายท่านจนอิ่ม มันก็ร่วงหล่นสู่พื้นดินทีละตัว ทีละตัวจนหมด
ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของลูกศิษย์ในพิธี ซึ่งได้เป็นที่เล่าขานในหมู่ลูกศิษย์ ต่อๆมา