งานหายาก กระดุมหินลาพิสลาซูลี วินเทจ แท้ญี่ปุ่น งานวินเทจเก่าต่างประเทศแท้ สวยเงางามมาก พกติดตัวแต่งเสื้อผ้า
หินลาพิสแท้ มีลวดลายสีน้ำเงิน เป็นเครื่องรางที่นิยมมากเป็นสากล
เป็นสิริมงคล

ลาพิส ลาซูลี(Lapis lazuli) หรือที่เรียกกันย่อๆว่า "ลาพิส" เป็นหินแปรสีน้ำเงินเข้มที่ถูกใช้เป็นอัญมณี หินแกะสลัก และเครื่องประดับ มามากกว่าหลายพันปี ลาพิสไม่เหมือนกับอัญมณีชนิดอื่นที่มักเป็นแร่ชนิดเดียว แต่มันเป็นหินที่มีองค์ประกอบจากแร่ที่เป็นองค์ประกอบหลัก 3 ชนิด คือ แคลไซต์, ไพไรต์ และลาซูไรต์(Lazurite) โดยสีน้ำเงินที่สวยงามและเป็นองค์ประกอบหลักของคุณภาพของเนื้อหินมาจากผลของแร่ลาซูไรต์ แคลไซต์สีขาวจะเป็นหินเดิมที่ถูกลาซูไรต์แทรก รวมถึงไพไรต์ที่มีสีเหลืองโลหะ อาจมีองค์ประกอบเล็กน้อยของแร่ชนิดอื่นๆ โดยขึ้นกับแหล่งที่มาของหิน เช่น ไดออปไซต์, แอมฟิโบล, เฟลสปาร์หรือไมกาแทรกเป็นมนทิลบางส่วนในเนื้อ
บางครั้ง เราอาจพบหินที่มีองค์ประกอบของแร่ทั้ง 3 ชนิดอยู่ร่วมกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า หินชิ้นนั้นจะรวมกันเรียกว่า ลาพิส ลาซูลีเสมอไป แฟคเตอร์หลักที่จะเรียกหินชนิดว่า ลาพิส ลาซูลี คือ ต้องมีองค์ประกอบพื้นที่สีน้ำเงินของแร่ลาซูไรต์ในหินชิ้นนั้น ไม่ต่ำกว่า 25% ของพื้นที่ทั้งหมด แคลไซต์เป็นแร่ที่มักมีปริมาณมากเป็นอันดับสองในเนื้อของลาพิส ลักษณะของมันจะชัดเจนมาก โดยเป็นชั้นสีขาว เป็นรอยแตกหักหรือรอยด่างภายในเนื้อ ไพไรต์มักเกิดขึ้นเป็นเมล็ดเล็กๆ ในรูปแบบห่างๆกันแบบสุ่มและมีสีทองที่ตัดกับสีน้ำเงินในเนื้อ บางครั้ง มันเกิดมาแบบกระจุกตัวหรือรวมกันเป็นชั้นหรือแผ่น บางครั้งมันก็เกิดในรูปแบบที่เติมอยู่ในบริเวณที่เป็นรอยแตกหัก
ลาพิสส่วนใหญ่ในโลกจะได้จากการทำเหมืองที่ทางเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอัฟกานิสถานและปากีสถาน ตัวหินมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานซึ่งมีค่าที่สุดในยุคสัมฤทธิ์ ในยุคกรีกโบราณ มีการเรียก ลาพิศ ลาซูลีว่า แซฟไฟร์(Sapphire) (ซึ่งในปัจจุบันเป็นภาษาอังกฤษของคำว่า ไพลินหรือพลอยคอรันดัมสีน้ำเงิน) ในช่วงยุคเรเนสซอง ผงของตัวลาพิศ ลาซูรีมีความนิยมมาก เนื่องจากใช้ตกแต่งและระบายสีเป็นสีน้ำเงิน นอกจากนี้ยังพบเป็นสีที่ใช้ตกแต่งหน้ากากของโลงศพของฟาโรห์ตูตานคามุน(Pharaoh Tutankhamun)
องค์ประกอบที่ใช้พิจารณาเกรดของลาพิส ลาซูลี
1. สีน้ำเงินเข้มทึบ แต่สว่าง2. ไม่มีสีขาวของแคลไซต์(ทำให้หลายๆแหล่ง มักจะน้ำลาพิสเกรดที่มีสีขาว ไปย้อมสีน้ำเงิน เพื่อทำให้ดูเป็นเกรดที่ดีขึ้นครับ)3. ขนาดเกรนของไพไรต์(ไม่ควรเกรนใหญ่ มีได้แต่ไม่ควรเยอะ เกรนละเอียด แต่สไตล์บ้านเรา จะชอบให้มีไพไรต์เยอะๆ เกรนใหญ่ๆ)ลาพิส ลาซูลี เป็น "แร่ที่มีข้อขัดแย้ง(Conflict Mineral)" หรือไม่
ประเทศอัฟกานิสถานเป็นแหล่งหลักของลาพิส ลาซูลีของโลกในปัจจุบัน ประวัติศาสตร์ที่ถูกบันทึกไว้ที่มีการใช้ลาพิสในแต่ละประเทศ ล้วนนำมาจากพื้นที่ของจังหวัดบาดัคชาน(Badakhshan) ที่มีลาพิส ลาซูรีและฝิ่นเป็นแหล่งรายได้หลัก พื้นที่ที่มีการทำเหมืองส่วนใหญ่ ถูกครอบครองโดยกลุ่มตาลีบันและสมาชิกท้องถิ่นของรัฐอิสลาม พวกเขาทำเหมืองแบบผิดกฎหมาย และจู่โจมเหมืองอื่นๆ เพื่อปล้นผลผลิตหรือเรียกค่าคุ้มครอง รายได้จากสิ่งเหล่านี้ถูกใช้เพื่อสนับสนุนสงครามและการก่อการร้าย
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้มีกลุ่มผู้สนับสนุนและสมาชิกบางคนของรัฐบาลอัฟกานิสถานต้องการเห็น ลาพิส ลาซูรีที่ผลิตจากประเทศอัฟกานิสถาน ให้จัดอยู่ในกลุ่ม "แร่ที่มีข้อขัดแย้ง" เพื่อให้รัฐบาลอัฟกานิสถานและนานาประเทศ ต้องติดตามการผลิตและการขายลาพิส ลาซูลี จากเหมืองในประเทศอัฟกานิสถานสู่ตลาดภายนอก และยังช่วยป้องกันการลักลอบขายลาพิสที่ผิดกฎหมาย และยังทำให้ราคาของลาพิสไม่ตกต่ำอีกด้วยบทบาทของลาพิส ในชื่อว่า "ผงสีที่แพงที่สุดในโลก"ลาพิส ลาซูรีคุณภาพสูงถูกนำมาบด และใช้เป็นเม็ดสีมานานกว่า 1,000 ปี โดยนำมาตัดสีอื่นที่เจือปนออกและบดจนเป็นผงละเอียด ซึ่งผงของมันสามารถผสมกับน้ำมันหรือสารเคมีอื่นๆเพื่อใช้ทำเป็นสี
ผงสีที่คุณภาพสูงสามารถผลิตโดยการนำผงลาพิสมาล้างด้วยกรดอ่อนๆ เพื่อกำจัดแคลไซต์สีขาวที่ทำให้สีน้ำเงินเจือจาง โดยเม็ดไพไรต์และธาตุอื่นๆจะถูกคัดออกตั้งแต่ตอนก่อนบด เม็ดสีที่ได้จากลาพิสนี้จะเป็นโทนสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า "อัลตรามารีนบลู(ultramarine blue)" ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้กันมาหลายร้อยปี
ในช่วงยุคเรอเนซองส์ ถึงช่วงที่จะสู่ศตวรรษที่ 18 ภาพเขียนที่ทำด้วยสีน้ำเงินโทนอัลตรามารีน ถือเป็นความหรูหราเนื่องจากราคาสูงมาก โดยแหล่งของลาพิสในช่วงเวลาดังกล่าวถูกขุดในอัฟกานิสถานและส่งไปยังยุโรป และเม็ดสีราคาแพงนี้ จะถูกใช้โดยศิลปินที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเท่านั้น หรือผู้ที่มีลูกค้าที่ร่ำรวยเพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการใช้สีชนิดดังกล่าว แม้ในปัจจุบันโทนสีนี้ หากผลิตขึ้นจากลาพิส ก็จะมีราคาที่สูงกว่า 1,000 ดอลลาห์สหรัฐต่อผงสีน้ำหนัก 1 ปอนด์
ตั้งแต่ช่วงกลางของศตวรรษที่ 18 ศิลปินและนักเคมีเริ่มพัฒนาเม็ดสีน้ำเงินสังเคราะห์ เพื่อใช้เป็นทางเลือกแทนสีน้ำเงินเข้มที่ผลิตจากลาพิส บางส่วนของโทนสีเหล่านี้ ก็ใช้ชื่อ "อัลตรามารีน(ultramarine)" ด้วยเช่นกัน ดังนั้นศิลปินที่ต้องการเม็ดสีโทนน้ำเงินอัลตรามารีนที่ทำจากลาพิสต้องแน่ใจว่าเม็ดสีนั้นไม่ใช่สีสังเคราะห์และทำจากลาพิสจริง ในขณะที่ผงสีที่ถูกสังเคราะห์ขึ้น ก็มีข้อได้เปรียบกว่าสีจากลาพิส โดยสีน้ำเงินของมัน มักจะดูลึกกว่าและสม่ำเสมอกว่าสีน้ำเงินที่ผลิตจากลาพิสและก็มีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่ามาก
ในปัจจุบันถึงแม้ว่า สีส่วนใหญ่ในท้องตลาด จะเป็นสีที่ถูกสังเคราะห์ขึ้น แต่ก็มีศิลปินในยุคปัจจุบัน ที่พยายามเรียนรู้เทคนิคทางประวัติศาสตร์ หรือต้องการได้ผลลัพธ์ของงานศิลปะที่คล้ายคลึงกับจิตรกรผู้ยิ่งใหญ่ในอดีต ซึ่งก็ยังมีการผลิตโดยผู้ผลิตเม็ดสีเพียงไม่กี่ราย ที่ยังคงใช้ลาพิส ลาซูลีจากแหล่งประวัติศาสตร์ในอัฟกานิสถาน
การเกิดของลาพิส ลาซูลี
ลาพิส ลาซูลี มักเกิดในบริเวณที่เกิดการแทรกของหินอัคนี ในหินปูนหรือหินอ่อน ที่เกิดการแปรแบบสัมผัสหรือการแปรแบบน้ำร้อน ในหินนี้ แร่ลาซูไรต์จะแทนที่บางส่วนของหินเดิมและเกิดเป็นแถบหรือชั้นบางๆ ในบริเวณนั้น
แหล่งหลักที่ส่งออกหินชนิดนี้ คือ ประเทศอัฟกานิสถานและปากีสถาน รองลงมาเป็นชิลี, อาร์เจนตินา, รัสเซีย, อิตาลี, แคนาดา และอเมริกา
ชื่อและที่มาของชื่อลาพิส ลาซูลี เป็นหินที่รู้จักกันมาตั้งแต่ในสมัยโบราณและมีราคาที่สูง โดยมีหลักฐานจากข้อมูลของนักบันทึกประวัติศาสตร์ชาวโรมัน ชื่อ พลินี(Pliny the Elder) ในชื่อ แซฟไฟร์ แต่การใช้ชื่อ ลาพิส ลาซูลี ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในช่วงปี ค.ศ.1636 โดย Anselmus Boetus de Boodt ในหนังสือ Gemmarum et Lapidum Historia หน้า 273 โดยชื่อดังกล่าวมาจากภาษาละติน "Lapis" และภาษาเปอร์เซีย "Lazhward" ซึ่งมีความหมายว่า สีน้ำเงิน ซึ่งถ้าออกเสียงตามคำของแหล่งที่มาทั้งสองแล้ว ชื่อนี้ควรจะออกเสียงว่า "แลป-อิส เลซ-อู-ลี(Lap-is Laz-u-lee)"ตำนานและประวัติศาสตร์เกี่ยวกับลาพิศ ลาซูรี
ลาพิศ ลาซูรี ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายสำหรับชาวอียิปต์โบราณ และชาวอัสซีเรีย สำหรับการแกะสลักเครื่องราง และตราประทับสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น ตราของกษัตริย์, ตรารูปแมลงสการับ(scarab) เป็นต้น เป็นหินที่มีภาพลักษณ์ของความจริง(เป็นแทนของเทพเจ้ามาอัด(Maat)) ซึ่งหัวหน้าผู้พิพากษาอียิปต์และนักบวชชั้นสูงต้องสวมรอบคอของเขา ข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้เกี่ยวกับอัญมณีกึ่งมีค่าที่ใช้เพื่อจุดประสงค์ทางศาสนาจากหนังสือแห่งความตายของชาวอียิปต์ พิธีกรรมเพื่อการเดินทางหลังความตายให้ปลอดภัยและป้องกันจากความชั่วร้ายของผู้ล่วงลับ นอกจากนี้สัญลักษณ์รูปตาที่ทำจาก ลาพิศ ลาซูรีและประดับด้วยทองคำ เป็นเครื่องรางแห่งอำนาจอันยิ่งใหญ่ และเป็นเครื่องบูชาที่แสดงถึงการบูชาต่อเทพแห่งรา(Ra)(เทพแห่งพระอาทิตย์)ชาวอียิปต์โบราณยังเชื่ออีกว่า วิญญาณนั้นมีอยู่ในจิตใจและอาศัยอยู่ในสมอง และ ลาพิศ ลาซูรีเป็นสิ่งที่ช่วยรักษาจิตใจ และทำให้วิญญาณสะอาด ลาพิศ ลาซูรีถูกใช้เพื่อล้างวิญญาณ และทำลายพื้นที่ในหัวสมอง ที่ถูกครอบครองโดยปีศาจ โดยการบดหินผสมกับทองคำทำให้เป็นผง และพอกมันไว้ตรงกลางขม่อม เมื่อแห้งมันจะดึงเอาผีปีศาจออกมา ในกรณีพิเศษจะเจากะโหลกศีรษะและเทส่วนผสมลงในหัวในตำราของชาวอัสซีเรีย(ตำราอุกนู(uknu) มีข้อมูลว่า ลาพิศ ลาซูรีเป็นหนึ่งในเจ็ดอัญมณีที่อยู่ในเครื่องประดับที่จะสวมใส่บนหน้าอกของพระมหากษัตริย์ เป็นเครื่องรางที่บ่งชี้ถึงพลังอำนาจจากเทพเจ้าในมหากาพย์กิลกาเมท(Gilgamesh) ของชาวบาบิโลน มีตำนานเล่าถึงต้นไม้ที่ให้ผลเป็นอัญมณี และ ลาพิศ ลาซูรี งอกออกมาจากมงกุฎของมันลาพิศ ลาซูรีเป็นอัญมณีเพื่อตกแต่งบนสายคาดสีเหลือง ที่สวมใส่โดยจักรพรรดิจีนของราชวงศ์แมนจูสำหรับการออกราชการในวัดของศาสนาพุทธในตำนานเทพนิยายกรีก เทพธิดาอินนา (ผู้มาก่อนเทพอะโพรไดรส์(Aphrodite) และวีนัส(Venus)) ได้เดินทางเข้าไปในนรก โดยถือแท่งลาพิศ ลาซูรี เพื่อวัดระยะเวลาและความยาวของชีวิตของแต่ละบุคคล นอกจากนี้ตามตำนานกรีกยังเชื่อกันว่า หินแต่ละชนิดเป็นเนื้อของเทพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลายสถิตย์อยู่ในหินชนิดต่างๆ
ในด้านความเชื่อ
ลาพิศ ลาซูรี เป็นหนึ่งในหินที่ใช้มากที่สุด ตั้งแต่มีประวัติของมนุษย์ สีน้ำเงินที่เข้ม ลึก ดั่งท้องฟ้ายังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งความเลิศหรูและสูงส่ง พระเจ้าและพลังอำนาจ จิตวิญญาณและวิสัยทัศน์ เป็นสัญลักษณ์สากลของภูมิปัญญาและความจริง
หินลาพิศ ลาซูรี ช่วยสร้างความสงบเงียบ ให้ภูมิปัญญา สามารถเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จทางจิตวิญญาณ ช่วยป้องกันการโจมตีของพลังจิต ป้องกันพลังงานเชิงลบและส่งกลับพลังงานเชิงลบไปยังแหล่งที่มา
อ้างอิงข้อมูลจากอินเตอร์เนต