“พระพิมพ์หูยานลพบุรี” โดยสร้างล้อพิมพ์จาก “พระหูยานศิลปะลพบุรี” โดยแกะแม่พิมพ์ขึ้นใหม่มีความสวยงามขนาดพอเหมาะ คือไม่ใหญ่ และไม่เล็กจนเกินไป ด้านหลังประดิษฐานพระปรมาภิไธยย่อ “จ.ป.ร.” จัดสร้างเป็น 2 เนื้อ “นวโลหะ” และ “เนื้อทองแดง” ออกแบบ และแกะแม่พิมพ์โดย นายช่างเกษม มงคลเจริญ
การจัดสร้างวัตถุมงคลฉลอง 100 ปีของวัดราชบพิธฯ ครั้งนั้น มีความพิถีพิถันมากโดยกำชับให้ช่างทำการเจือ “เนื้อโลหะ” ทั้งหมดที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเสด็จฯ เททองวัตถุมงคลเป็นปฐมฤกษ์ ผสมกับแผ่นยันต์ลงอักขระของบรรดาคณาจารย์ ผู้ทรงวิทยาคุณจากทั่วประเทศ 108 รูป พร้อมทั้งชนวนโลหะวัตถุมงคลรุ่นเก่า ๆ ทุกรุ่นของวัดราชบพิธฯลงในวัตถุมงคลทุกแบบทุกเนื้อและทุกพิมพ์ ให้ทั่วถึงกัน
ทางวัดจึงกำหนดประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษก เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน คือระหว่างวันที่ 29-30-31 มกราคม พ.ศ. 2514 โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงมีพระมหากรุณา ธิคุณโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีจุดเทียนชัย ในวันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2514
พระคณาจารย์ ผู้ทรงวิทยาคุณจากทั่วพระราชอาณาจักร ซึ่งล้วนเเต่เป็น พระคณาจารย์ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านพุทธคมในยุคนั้นทั้งสิ้นที่รับนิมนต์มานั่งปรก ปริกรรมเจริญภาวนาจำนวน 108 รูป โดยผลัดเปลี่ยนกันมาร่วมพิธีในเเต่ละวัน
หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
หลวงปู่เทศก์ เทศก์รังษี
หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
หลวงตา มหาบัว วัดป่าบ้านตาด
หลวงพ่อเทียม วัดกษัตริยาธิราข
พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา
หลวงปู่หิน วัดระฆัง
หลวงพ่อทูรย์ วัดโพธิ์นิมิต
หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง
หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว
หลวงพ่อโชติ ระลึกชาติ วัดวชิราลงกรณ์
หลวงพ่อนอ วัดท่าเรือ
พระอาจารย์วัน วัดถ้ำอภัยธำรงธรรม
หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยา
เป็นต้น ฯลฯ
ดังนั้นวัตถุมงคล ชุดฉลอง 100 ปี วัดราชบพิธฯ นี้จึงเป็นวัตถุมงคลที่ถึงพร้อมด้วย พระพุทธคุณ, พระธรรม คุณ, พระสังฆคุณ และ พระมหากษัตริยาธิคุณ ของพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐแก่ประเทศไทยถึง 2 พระองค์ ด้วยกันคือ รัชกาลที่ 5 และ รัชกาลที่ 9 อย่างเปี่ยมล้นยิ่งนัก.
อนึ่งสำหรับพระพิมพ์หูยาน จ.ป.ร. รุ่นฉลอง 100 ปี วัดราชบพิธฯ นี้ บรรดาเซียนพระยุคปี 2514 นิยมเรียกขานว่ารุ่น “ปืนแตก” โดยจากคำบอกเล่าของท่านเจ้าคุณพระธรรมเมธี (อัคค ชิโน) เช่นกัน เหตุที่บรรดาเซียนพระยุคนั้นเรียกกันก็สืบเนื่องจาก หลังการจัดทำพิธีพุทธาภิเษกแล้ว ได้มีบรรดานายทหาร จากกรมรักษาดินแดน และ กระทรวงกลาโหม ซึ่งอยู่ใกล้กับวัดราชบพิธฯ ได้มาบูชาซึ่งสมัยนั้นราคาถูกมากเพียงองค์ละ 10 บาท เท่านั้น และหลังจากบูชากันไปแล้ว ทหารหลายรายได้นำไปพิสูจน์ความเข้มขลัง ด้วยการนำพระหูยาน จ.ป.ร. ที่นำไปเลี่ยมพลาสติกแล้วไปแขวนกับธงชาติ แล้วชักธงชาติระดับเหนือศีรษะขึ้นจากนั้นทำการทดลองยิง ปรากฏว่า นัดแรก กระสุนปืนเกิดด้าน ยิงไม่ออก จึงทำการตรวจสอบปืนใหม่ แล้วทดลองยิงอีกนัด คราวนี้ปรากฏว่าเกิดเสียงระเบิดดังขึ้น และพอสิ้นเสียงระเบิด ทหาร ผู้ทำการทดลองยิงก็ออกอาการตกใจ เมื่อเห็นปากกระบอกปืน ที่ใช้ทดลองยิง แตกเป็นรอยร้าวทั้งลำกล้อง ใช้การไม่ได้อีกเลย ตั้งแต่นั้นมาบรรดาทหารที่อยู่ในเหตุการณ์ทดลองยิงจึงเรียก พระหูยาน จ.ป.ร.ว่ารุ่น “ปืนแตก” เป็นที่เลื่องลือกันมากในยุคนั้น นอกจากนี้บรรดาทหารที่อาสาสมัครไปร่วมรบในสมรภูมิเวียดนาม ที่รอดชีวิตกลับมาก็มีการร่ำลือว่า เหตุที่รอดชีวิตเพราะได้พกพาพระหูยานรุ่นปืนแตกนี้ติดตัวไปด้วย รวมทั้งบรรดาเซียนพระหลายรายรวมทั้งเซียนสายตรง พระกริ่ง-รูปหล่อ ที่ชื่อ เกี๊ยก ทวีทรัพย์ ก็มีการบอกเล่ากันต่อ ๆ มาว่า “พระหูยาน จ.ป.ร.” มีพุทธคุณเข้มขลังด้านยอดเหนียว เนื่องจากมีเหตุ วัยรุ่นยกพวกตะลุมบอนกัน พร้อมทั้งใช้อาวุธที่มีทั้งมีดดาบ และปืนฟันและยิงใส่กันแบบเอาเป็นเอาตาย แต่ปรากฏว่าผู้ที่พกพาพระหูยาน จ.ป.ร. ติดตัวไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บเลยทั้งที่บางรายถูกฟันจนเสื้อขาด และบางราย ถูกยิงจนเสื้อเป็นรูทะลุ แต่จุดที่ถูกฟัน และถูกยิงเป็นเพียงรอยจ้ำช้ำแดงเท่านั้น
จึงนับได้ว่าพระหูยาน จปร. เป็นพระะที่เต็มเปี่ยมด้วยพุทธคุณอย่างล้นเหลือ
Read more