@@@ ถูกกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว @@@ เหรียญหลวงพ่อเคน รุ่นแรก ปี 2501 เนื้อทองแดง วัดถ้ำเขาอีโต้ จ.ปราจีนบุรี สภาพ 100 %%% สวยกริ๊ปๆ

ปิด สร้างโดย: พันธุ์ทิพย์  VIP   (3261)


ประวัติหลวงปู่เคน สุขวัฒโน แห่งวัดถ้ำเขาอีโต้ ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
ไซ เป็นเครื่องจักสานประเครื่องดักจับสัตว์น้ำที่มีความสำคัญ และมีคุณค่าต่อวิถีชีวิตของคนในในอดีต ทุกบ้านจะทำไซไว้ใช้เอง โดยจะนำไซไปดักไว้ตามคลองที่น้ำไหลผ่าน ซึ่งสถานที่ดักก็จะมีอยู่ทั่วไปตามไร่ตามนา ในฤดูฝนมีน้ำหลาก ชาวบ้านออกไปทำไร่ ทำนา ก็จะนำไซไปดักทิ้งไว้ด้วย ก็จะได้ปู ปลาต่าง ๆ มากมาย บางครั้งอาจยกไซไม่ได้เนื่องจากหนักเพราะดักปลาได้เกือบเต็มไซ ปลาที่ได้ก็จะนำไปประกอบอาหารสำหรับทุกคนในครอบครัว แบ่งปันให้เพื่อนบ้านบ้าง โดยไม่ต้องซื้อขายกัน ที่เหลือก็จะนำมาถนอมอาหารเช่น ทำปลาร้า ปลาเค็ม ปลาย่าง เก็บไว้กินยามฤดูแล้ง ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากร ที่สามารถหาปลากินได้อย่างเหลือเฟือ พระเกจิโบราณจึงนำไซมาทำเป็นเครื่องราง ให้ลูกศิษย์ไปแขวนไว้ตามหน้าร้านค้า ประตูบ้าน หรือใช้ผูกเสาเอกในพิธีลงเสาเอกบ้านเรือน เพื่อความเป็นสิริมงคล.. ช่วยดักเงินทอง ดักโชค ดักลาภ เรียกกันว่าไซดักทรัพย์ และพระเกจิอาจารย์ที่ทำไซแบบนี้ได้มีอานุภาพสูงสุดก็คงไม่มีใครเกินหลวงปู่เคน แห่งวัดถ้ำเขาอีโต้ จังหวัดปราจีนบุรี ท่านเป็นพระใจดีมีเมตตามาก วัตถุมงคลของท่านใช้แล้วร่ำรวยกันทั้งนั้น ใครๆ ในสมัยก่อนจึงไปกราบท่านเต็มวัด

ประวัติหลวงปู่เคน สุขวัฒโน
ท่านเกิดเมื่อพ.ศ.๒๔๐๒ ที่ตำบลโคกกรวด อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก (ในสมัยนั้นยังเป็นจังหวัดปราจีนบุรี) ต่อมาได้มีภรรยาชื่อ นางลา ต่อมาได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านนางลา ณ หมู่บ้านนาปรือ ตำบลเนินหอม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี ทั้งสองดำรงชีวิตคู่อยู่ได้ราวๆสิบปี โดยไม่มีลูก จนหลวงปู่เคนเกิดความเบื่อหน่ายทางโลก จึงได้อุปสมบทเมื่อตอนอายุราวๆ ๓๐ ปีเศษ จากนั้นได้ออกเดินธุดงค์และกลับมาจำพรรษาในถ้ำแถวตำบลนาหินลาด อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก ต่อมาจึงย้ายมาจำพรรษาที่ถ้ำเขาอีโต้ ตำบลบ้านพระ อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี ตราบจนมรณภาพในปีพ.ศ.๒๕๑๓ สิริอายุ ๑๑๑ ปี

วัตรปฏิบัติและปฏิปทา
หลวงปู่เคน ท่านเป็นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นที่ศรัทธาของสาธุชนทั่วไป แม้กระทั่งสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื้น นพวงศ์ ณ อยุธยา) ยังได้เสด็จมาสนทนาธรรมกับหลวงปู่เคน ณ วัดถ้ำเขาอีโต้ มีหลักฐานก็คือภาพถ่ายที่กุฏิหลวงพ่อเจ้าอาวาส ในสมัยหลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านชอบฟังเทศน์โดยเฉพาะการเทศน์มหาชาติ ถ้าว่างท่านจะนั่งภาวนาอยู่ในถ้ำ เวลาออกไปไหนมาไหนท่านชอบใช้ย่ามสีแดง จนคนนิยมเรียกท่านว่า "หลวงพ่อย่ามแดง" หลวงปู่เคนท่านเป็นพระรุ่นเก่า เวลาพูดท่านก็ชอบใช้ภาษาโบราณ และมักจะเอ่ยวลีว่า “ หอสระอีแม่มึง ” เสมอ หลวงปู่เคนท่านออกเดินบิณฑบาตเป็นนิจแม้ว่าจะอายุมากแล้วก็ตาม และการบิณฑบาตของท่านนี่เองเป็นเหตุให้เกิดเรื่องเล่าขานว่าหลวงปู่เคนเป็นพระผู้สำเร็จอภิญญาสามารถเดินหนย่นระยะทางได้ จนมีผู้ศรัทธาหลั่งไหลมากราบขอพรและให้ท่านรดน้ำมนต์ให้มิได้ขาด ยิ่งไปกว่านั้นวัตถุมงคลที่หลวงปู่สร้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นไซดักทรัพย์ นกสาลิกาคู่ สีผึ้ง ผ้ายันต์ ฯลฯ ต่างก็เป็นที่ต้องการของผู้ที่มากราบท่าน เพราะเต็มไปด้วยอานุภาพทางเมตตามหานิยม ไปบูชาแล้วค้าขายดี มีประสบการณ์เล่าขานกันไม่จบสิ้น

อภินิหารของหลวงปู่
เรื่องราวอภินิหารของหลวงปู่นั้นผู้เขียนได้รวบรวมจากนักเขียนรุ่นเก่าๆบ้างและผู้มีประสบการณ์โดยตรงบ้างดังนี้
มีเรื่องเล่าแปลกๆว่า มีลูกศิษย์ไปพบหลวงปู่ที่วัด แต่เด็กวัดบอกว่าหลวงปู่เข้าไปในถ้ำสวดมนต์ ลูกศิษย์คนนั้นจึงเดินไปหาหลวงปู่ในถ้ำ เมื่อเข้าไปก็เห็นหลวงปู่สวดมนต์อยู่จริงๆ แต่ร่างของหลวงปู่ท่านลอยอยู่บนอากาศ โดยไม่มีอะไรรองนั่งแม้แต่น้อย หลวงปู่ท่านลอยอยู่สักพักแล้วก็ค่อยๆลอยกลับมาลงนั่งสมาธิปกติดังเดิม...
ชาวบ้านที่จังหวัดนครนายก เห็นพระชราแปลกหน้ามาเดินรับบาตรอยู่บ่อยๆ จึงถามว่าท่านชื่ออะไร มาจากไหน ท่านบอกว่าชื่อหลวงปู่เคน มาจากวัดถ้ำเขาอีโต้ จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งอยู่ห่างไปสามสิบกิโลเมตร ทำให้ชาวบ้านหลายคนเกิดความสงสัยว่าท่านมาเดินบิณฑบาตถึงนี่ได้อย่างไร จึงมีคนเรียนถามท่าน หลวงปู่ท่านบอกว่าเดินมา พอชาวบ้านบอกว่าจะไปส่ง หลวงปู่ท่านบอกว่าไม่ต้อง ท่านเดินกลับเองได้ ทำให้ชาวบ้านยิ่งสงสัยหนักขึ้นไปอีก กระทั่งเช้าวันหนึ่งเมื่อใส่บาตรเสร็จแล้วจึงแอบขับรถตามท่านออกไป ปรากฏว่ารถขับตามหลวงปู่เดินไม่ทันจนพลัดหลงกัน เขาเลยขับรถดิ่งไปยังวัดถ้ำเขาอีโต้ทันที เพื่อรอดูหลวงปู่ว่าท่านจะกลับมาที่นี่จริงหรือเปล่า แต่พอมาถึงวัดเขาก็ต้องตกใจ เพราะเห็นหลวงปู่นั่งฉันเช้าอยู่แล้ว ครั้นมองไปที่สำรับกับข้าวก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปอีก เมื่อเห็นกับข้าวที่เขาใส่บาตรเมื่อเช้าอยู่ในสำรับที่หลวงปู่กำลังฉัน นั่นแสดงว่าหลวงปู่เคนท่านเดินย่นระยะทางมาได้จริงๆ
คราวหนึ่งไฟไหม้บ้านพี่สาวของนักเขียนนิตยสารพระชื่อดังที่อุบล แต่ปรากฏว่ามีวัตถุมงคลที่ไฟไม่สามารถเผาผลาญหรือหลอมละลายได้คือ รูปถ่ายหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง และ ผ้ายันต์แดงของหลวงปู่เคน วัดถ้าเขาอีโต้

+++++ตาสมบุญเป็นหลานๆของหลวงปู่เคนเล่าว่า เมื่อสมัยยังเป็นเด็ก ได้เคยไปนอนที่กุฏิหลวงปู่เคน พอตอนเช้าหลวงปู่ท่านก็ออกเดินบิณฑบาตตามปกติ แต่ก่อนที่หลวงปู่จะออกจากถ้ำเขาอีโต้ ท่านได้เอ่ยว่า ไอ้น้อย(หมายถึงตาสมบุญ)เดี๋ยวเอ็งอยู่ที่นี่ก่อนนะ หลวงปู่จะไปบิณฑบาตในเมืองสักหน่อย ว่าแล้วท่านก็ถือบาตรเดินออกมา แต่เพียงสิบกว่านาทีท่านก็เดินกลับมาพร้อมอาหารเต็มบาตร ทำเอาตาสมบูรณ์ซึ่งเป็นเด็กในขณะนั้นแปลกใจเป็นอย่างมากว่าทำไมหลวงปู่ท่านเดินเข้าไปบิณฑบาตในเมือง แต่กลับมาถึงวัดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร เนื่องจากในสมัยนั้นไม่มีรถผ่านดังปัจจุบัน เวลาไปไหนมาไหนต้องใช้การเดินเท้า
ครั้งหนึ่งเมื่อหลวงปู่เคนฉันภัตราหารเสร็จแล้วได้นำแอบเปิ้ลที่เหลือแจกจ่ายแก่ญาติโยมที่ยากจน ปรากฏว่าแม่เฒ่าท่านหนึ่งไม่กล้ากินผลแอบเปิ้ลที่หลวงปู่เอาให้ เพราะไม่รู้จัก เนื่องจากสมัยนั้นแอบเปิ้ลเป็นผลไม้ของหายาก ต้องสั่งมาจากต่างประเทศ จะมีขายเฉพาะแหล่งธุรกิจการค้าในกรุงเทพ คนในป่าในดงตามบ้านนอกคงไม่เคยเห็น จึงมีผู้ถามหลวงปู่ว่าไปเอาแอบเปิ้ลมาจากไหน? หลวงปู่ท่านตอบว่าเมื่อวาน โยมที่กรุงเทพเขาใส่บาตรมา ลูกศิษย์บางคนที่ได้ฟังอยู่ก็แย้งว่า เมื่อวานหลวงปู่ไม่ได้ไปกรุงเทพนี่ครับ หลวงปู่ยังไปเดินบิณฑบาตแถวหมู่บ้านผมเลย หลวงปู่ได้ยินแล้วก็ทำเป็นเฉยเหมือนไมได้ยิน ส่วนลูกศิษย์ก็เริ่มลือกันไปว่าหลวงปู่เคนแบ่งภาคไปบิณฑบาตพร้อมๆกันทั้งสองแห่ง อีกทั้งย่นระยะทางไปไหนมาไหนได้อย่างรวดเร็ว
เล่ากันว่าหลวงปู่เคนรู้วันมรณภาพ คือมีอยู่วันหนึ่ง อยู่ๆหลวงปู่เคนก็บอกกับลุงเลิศหลานชายของท่านว่าอีก ๗ วัน ท่านจะมรณภาพ ตอนนั้นลุงเลิศก็ได้แต่คิดในใจว่าหลวงปู่ถ้าจะหลง เพราะตอนนี้ท่านก็แข็งแรงดีไม่มีวี่แววว่าจะเจ็บป่วย แล้วจะถึงแก่มรณภาพในเวลาอันสั้นได้อย่างไร จนกระทั่งถึงวันที่ ๗ ตามที่ท่านกล่าว อยู่ๆหลวงปู่ก็บอกว่าอยากกินข้าวเหนียวมะม่วง จากนั้นไม่นานก็มีลูกศิษย์จากกรุงเทพมาหาแล้วนำข้าวเหนียวมะม่วงมาถวาย เล่นเอาคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น ต่างก็หันมามองตากันด้วยความทึ่งในอภิญญาของหลวงปู่ พอญาติโยมลากลับในช่วงบ่ายๆ หลวงปู่ท่านก็เป็นลมและมรณภาพในตอนเย็นของวันนั้นนั่นเอง
เมื่อหลวงปู่มรณภาพแล้วได้มีการเก็บสังขารของท่านไว้ในหีบ โดยท่านได้สั่งกำชับไว้ก่อนนานแล้วว่า เมื่อสวดอภิธรรมเสร็จให้นำหีบดังกล่าวบรรจุไว้ในหลืบถ้ำบริเวณที่ท่านอยู่ ซึ่งทางวัดก็ได้ดำเนินการตามนั้นมา จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๓๖ ได้เกิดเหตุการณ์มหัศจรรย์ขึ้นในคืนหนึ่งคือ อยู่ดีๆได้เกิดไฟเผาไหม้หีบบรรจุสังขารดังกล่าว ทำให้เหลือเพียงแต่เถ้าและกระดูกของท่านเท่านั้น พอรุ่งเช้าลูกศิษย์ลูกหาที่รู้ข่าวต่างมามุงดูและวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆ ขณะเดียวกันก็มีบางคนแอบหยิบเอาชิ้นส่วนกระดูกของท่านออกมา แต่พอนำขึ้นรถจะขับกลับบ้าน ปรากฏว่าไม่สามารถสตาร์ทรถติด จึงต้องนำชิ้นส่วนกระดูกที่หยิบติดตัวไปกลับมาคืนที่เดิม
หลังจากเหตุการณ์มหัศจรรย์เกิดขึ้นไม่นานก็ได้มีลูกศิษย์ของท่านมาทำการสร้างมณฑปคอนกรีตครอบบริเวณดังกล่าวไว้เพื่อจะได้ประดิษฐานรูปหล่อจำลองของท่านไว้ให้ผู้ที่ศรัทธาได้กราบเคารพบูชา โดยจะทำการสร้างเป็นสองชั้น แต่พอสร้างมณฑปชั้นแรกเรียบร้อยแล้ว ก็สร้างบันไดขึ้นไปยังพื้นชั้นสองเสร็จเป็นลำดับถัดมา แต่พอช่างเริ่มขึ้นไปเหยียบพื้นชั้นสอง เพื่อจะสร้างผนังและโครงหลังคา ก็ปรากฏเกิดเหตุอาเพศ ฟ้าผ่าลงกลางต้นไม้ใหญ่ที่อาคารมณฑปชั้นล่างล้อมไว้ ทำให้ลำต้นของต้นไม้ดังกล่าวแตกเป็นสองซีก ดูเหมือนว่าหลวงปู่หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์คงไม่อยากให้ใครขึ้นไปเหยียบย่ำด้านบน ทางวัดเห็นท่าไม่ดีจึงหยุดสร้างมรฑปชั้นสองตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กระทั่งปัจจุบันมณฑปก็ยังคงเป็นอาคารชั้นเดียวอย่างที่ท่านเห็นในภาพ
กรรมฐานและวิชาคาถาอาคม
เล่ากันว่าชาวบ้านแถวตำบลโคกกรวด อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก ถิ่นกำเนิดของหลวงปู่เคนมีเชื้อสายลาว พูดภาษาถิ่นแบบภาษาอีสาน เมื่อหลวงปู่เคนบวชแล้ว ท่านจึงออกเดินธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ รวมถึงเข้าไปยังประเทศลาว เพื่อเรียนกรรมฐานและวิชาอาคมกับสำเร็จลุน แห่งนครจำปาศักดิ์ เมื่อเรียนกลับมาแล้วก็ได้กลับมาจำพรรษาและช่วยชาวบ้านสร้างและพัฒนาวัด วัดพรหมเพชร ขึ้นที่ตำบลโคกกรวด ถิ่นกำเนิดของท่าน เมื่อสร้างเสร็จแล้วท่านจึงออกไปอยู่ในถ้ำเขาอีด่าง บริเวณน้ำตกวังม่วง ตำบลนาหินลาด จากนั้นไม่นานจึงย้ายมาอยู่ที่ถ้ำเขาอีโต้ตราบจนมรณภาพ
เนื่องจากหลวงปู่เคนได้ร่ำเรียนวิชามาจากสำเร็จลุน วิชาของท่านจึงออกจะแปลกแหวกแนวไปกว่าวิชาของทางฝ่ายไทยที่เราเคยได้รับรู้กันทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นวิชาน้ำออกบ่อที่ใช้ทำน้ำมนต์รดถอนของขจัดอัปมงคล วิชากาหลงที่ใช้ได้สารพัด หรือวิชาการทำไซเงินไซทองไว้ดักทรัพย์ โดยใช้ มหาชัยยะมงคลคาถา หรือ ไชยใหญ่และจุลชัยยะมงคลคาถาหรือ ไชยน้อย ซึ่งเป็นคาถาภาษาบาลีผสมภาษาลาว มาสวดปลุกเสกเพราะในภาษาไทยอีสานและภาษาลาวจะออกเสียง ช.เป็น ซ. ดังนั้นคำว่าชัยมงคล ทางไทยอีสานและลาวจะออกเสียงเป็นไซยมงคล ซึ่งพ้องกับคำว่าไซ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ดักสัตว์น้ำของไทย มาเป็นเคล็ดในการปลุกเสกไซของท่านซึ่งนับว่าได้ผลเป็นที่ประจักษ์กันมามากแล้วว่ามีอานุภาพก่อให้เกิดสิริมงคล คุ้มครองป้องกันภัยทำมาค้าขาย โชคลาภดี อย่างชนิดที่พูดได้ว่ายังไม่มีไซของพระเกจิอาจารย์ใดเก่งไปกว่าไซเงินไซทองดักทรัพย์ของท่าน เพราะชัยยะคาถาทั้ง ๒ นี้พรรณนาถึงชัยชนะของพระพุทธเจ้า เหนือหมู่มารทั้งปวงทั้งล่วงพ้นอำนาจของพรหม มาร เทวดา ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 และสรรพสัตว์ อีกทั้งความชั่วร้ายทั้งร้าย เชื่อกันว่า เป็นบทสวดที่มีอานุภาพมาก สามารถขจัดปัดเป่าเรื่องเลวร้าย และภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง ทั้งแก่ตัวผู้สวดสาธยาย และบ้านเมืองของผู้สวดสาธยายนั้น

****วัตถุมงคลของหลวงปู่เคน*****
วัตถุมงคลของท่านจะเน้นไปทางเมตตา มหานิยม การค้าขายดี เป็นหลัก ท่านมีชื่อเสียงเรื่องการสร้าง ไซดักเงิน และนก (ที่ทำจากไม้กาหลง) สีผึ้ง ผ้ายันต์ เหรียญ ฯลฯ

ผู้เขียนเองก็ติดเรียกว่า พ่อกา และแม่กา ตามอาจารย์ที่ท่านได้ร่ำเรียนวิชามาจากท่าน วัตถุมงคลส่วนใหญ่ของหลวงปู่จะ เป็นงานทำด้วยมือ ไม่ว่าจะเป็นนกสาลิกา หรือ ไซดักทรัพย์ ถ้าเป็นขนาดจิ๋วมักจะพบอยู่หลังภาพถ่ายที่เลี่ยมกรอบพลาสติก มีด้วยกันหลายขนาด ขนาดสูงเกิน 1 นิ้ว จะเป็นของผู้ชาย หากขนาดกลาง หรือเล็ก ตลอดจนจิ๋ว จะให้ผู้หญิงใช้ มีทั้งภาพสี่เหลี่ยม ภาพกลม และรูปหัวใจเป็นต้น วัตถุมงคลที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น ประกอบด้วย ตรงกลางสุด เป็นแม่ไซ ดักเงิน ข้างซ้ายขวา จะเป็น กาหลง มีตัวผู้หนึ่งตัว ตัวเมียหนึ่งตัว ด้านริมสุดเป็นตระกรุดเงิน และตระกรุดทอง
แม่กา เราจะเรียกท่านให้ช่วยดลจิตดลใจให้กับบุคคลเพศชาย ที่เราต้องการจะเจรจา หรือ พูดคุยด้วย ส่วนพ่อกา เราจะเรียกท่านให้ช่วย ในกรณีที่เราต้องการไปพบปะกับเพศหญิงเป็นต้น อาทิ หากเราชอบใจ หรือ สนใจสาวคนใด เวลาเราจะไปจีบ ก็อาศัยฤทธิ์ของพ่อกา ช่วยเหลือเราให้ประสพความสำเร็จ เป็นต้น
.. อนึ่ง สิทธิการิยะ ขออัญเชิญหัวใจพระคาถาปลุก พ่อกา และแม่กา มาให้ท่านได้ศึกษา และใช้กัน ดังนี้
ให้ตั้ง นะโม 3 จบ
.... นะโมเม พุทธะเตเช ชัยยะเตเช ชัยยะสิทธิ ชัยยะจิตตัง ชัยยะเมตตา ชัยยะกากา ชัยยะกากา ชัยยะมังคะลา ชัยยะมังคะลา ...
(ตั้งใจพูดกับ พ่อกา แม่กา ... สมมุติว่า ขออำนาจคุณพระของหลวงพ่อเคน พร้อมด้วยแม่กาหลง ผมกำลังจะไปเจรจา ของาน กับนาย .... เพื่อขอรับการว่าจ้างงาน ...... โปรดขอให้แม่กา จงช่วยดลใจให้นาย .... จงมีความเมตตา เอ็นดู ผม เพื่อให้การเจรจางานนี้ จงสำเร็จ ลุล่วง โดยไม่ติดขัด ขอให้นาย ... จงมีใจรัก และยินดีกับคำพูดของผมด้วยเทอญ).
คาถามหาลาภของหลวงพ่อเคน วัดเขาอีโต้ ปราจีนบุรี ที่เก่งเรื่องไซร นกสาริกา ว่าดังนี้ นะโมเมพุทธะเตเช ชัยยะเตเช ชัยยะสิทธิ ชัยยะจิตตัง ชัยยะเมตตา ชัยยะกากา ชัยยะมังคะลา ชัยยะมังคะลา
"คาถาอาราธนาบูชาไซ "
ไซยะจิตตัง มหาลาภัง ปิยังมะมะ "

ปัจจุบันศิษย์ที่ได้รับการประสิทธิ์วิชานี้จากหลวงปู่เคนเป็นมนต์ไซใหญ่และไซน้อย
คำสวดแบบดั้งเดิมเดิมแท้ ๆ เป็นภาษาอีสานครับ สวดประมาน ครึ่งชั่วโมงก็จะจบมนต์บทนี้
ในจังหวัดปราจีนบุรีเหลือแค่ ๒ รูปเท่านั้นที่สวดได้เพราะอยู่รับใช้หลวงปู่เคนจนท่านมรณภาพ
คาวงแขนของท่าน ๒รูปนี้มีเชื้อทางอีสานอยู่จึงรับคำสวดภาษาอีสานได้ง่ายทำนองค่อนข้างชวนให้ขนลุก
และมีกระแทกเสียงหนักในบางครั้ง เคยเห็นครั้งเดียวเท่านั้นที่มีโอกาสได้ฟังท่านสวด เนื่องในโอกาสเสกไซ
ในงานฝังลูกนิมิตวัดหนองจวง อยู่ตำบลดงขี้เหล็ก อ.เมือง จ. ปราจีนบุรี เสกไซเมื่อปี ๔๖ ถ้าจำไม่ผิด
ท่านเป็นเจ้าอาวาสและเจ้าคณะตำบลดงขี้เหล็กครับ ชอบพัฒนามากกว่าทำวัตถุมงคลครับ
ก็เคยเห็นครั้งเดียวในชีวิตที่ทำเป็นกิจจะลักษณะ นอกนั้นไม่เคยเห็น
ผมบวชที่วัดนี้ครับเลยรู้ขัอมูลเชิงลึกนิดหน่อย ปัจจุบันท่านพยามถ่ายทอดให้พระเลขาอยู่
แต่ยังไม่ได้ทำนองสวด เนื่องจากลิ้นไม่ไปตามภาษาอีสาน อ้อลืมบอกไป
ท่านชื่อพระครูมงคลธรรมภาน (หลวงพ่อโสภา)
ส่วนอีกรูปหนึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดหัวเขา ต. บ้านพระ ใกล้ ๆ กัน ชื่อหลวงพ่อพิมพ์
พอดีผมไปช่วยด้านพิธีกรรมก็สืบค้นหาลูกศิษย์ในสายหลวงปู่เคนก็เหลืออยู่แค่นี้ครับ
ที่ได้วิชานี้มาแบบเต็ม ๆ ส่วนพระครูแสวงเจ้าอาวาสวัดเขาอีโต้นั้น ไปอยู่วัดมหาธาตุ กทม.
เสียนาน เลยไม่ได้วิชา พระครูจันทร์ วัดนิโครธาวาสรับตัวคาถามา แต่สวดไม่ทำนองครู
เลยต้องพักไป การถ่ายท่านของหลวงปู่จะทำคล้าย ๆ กับการซ้อมขานนาคสมัยโบราณ
คือให้ทีละท่อน ตอนเย็นต้องไปสวดทำนองปากเปล่าให้ฟัง แล้วจึงต่อท่อนใหม่ให้ฟัง
จนกว่าจะได้ทำนองและเนือคาถาทั้งหมดไป การสวดไซนอกจากจะมีอิทธิคุณด้านโชคลาภ
แล้วบางบทจะเป็นการสวดถอนสิ่งไม่ดี อาถรรพณ์ ออกไป แต่ ๒ รูปนี้สันโดษแบบคนโบราณ
ชอบความสงบไม่ชอบวุ่นวาย มุ่งคำสอนเทศนามากกว่าจึงเก็บตัวเงียบตลอดแต่
ละแวกใกล้วัดนับถือท่านมากและรับทราบกันในวงแคบ ๆ ว่าเป็นลูกศิษย์ตัวจริง
หากคุณอาดาชาสนใจพาไปก็ได้ครับ คาดว่าหากไม่มีใครรับไปคาดว่าวิชาเสกไซคงสูญหายไปแน่นอน
เพราะทั้ง ๒ รูป มีพรรษามากแล้ว สำหรับคาถาที่ท่านอาจารย์แมวแก่เมตตาประสาทให้นั้น
เป็นคาถาของหลวงปู่เคนจริง ๆ ครับ แต่เป็นบทสั้นครับจะสวดทำนองอีสานหรือทำนองไทยภาคกลางก็ได้ครับ

คาถาชัยน้อย หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล
นะโม เม พุทธะ เตชัสสา ระตะนะตะยะ ธัมมิกา เตชะ ประสิทธิ ปะสีเทวา นารา ยะปะระเมสุรา สิทธิ พรัหมา จะ อินทา จะ จะตุโลกา คัมภี รักขะกา สะมุทา ภูตุง คังกา จะ สะพรัหมา ชัยยะ ประสิทธิ ภะวันตุเต ชัยยะ ชัยยะ ธ รณี ธ รณี อุทะธิ อุทะธิ นะ ทิ นะ ที ชัยยะ ชัยยะ คะคน ละตน ละนิสัย นิรัย สัยเสน นะ เมรุราช ชะพล น ระชี ชัยยะ ชัยยะ คัมภี ระ โสมภี นาเคน ทะนาคี ปิ ศาจ จะ ภู ตะกาลี ชัยยะ ชัยยะ ทุน นิมิต ตะ โรคี ชัยยะ ชัยยะ สิงคีสุทา ทา นะมุขะชา ชัยยะ ชัยยะ วะรุณ ณะมุขะ ศาตรา ชัยยะ ชัยยะ จัม ปาทินา คะ กุละคัณโถ ชัยยะ ชัยยะ คัชชะคน นะตุรง สุกะระภุ ชง สีหะ เพียคฑะ ทีปา ชัยยะ ชัยยะ วะรุณ ณะมุขะ ยาตรา ชิตะ ชิตะ เสน นารี ปุนะสุทธิ น ระดี ชัยยะ ชัยยะ สุขา สุขา ชีวี ชัยยะ ชัยยะ ธ ระณี ตะเล สะทา สุชัยยา ชัยยะ ชัยยะ ธ ระณี สาน ติน สะทา ชัยยะ ชัยยะ มังกะ ราชรัญญา ภะวัคเค ชัยยะ ชัยยะ วะรุณ ณะยักเข ชัยยะ ชัยยะ รักขะเส สุระภุ ชะเตชา ชัยยะ ชัยยะ พรัหมเมณ ทะคะณา ชัยยะ ชัยยะ ราชา ธิราช สาชชัย ชัยยะ ชัยยะ ปะฐะวิง สัพ พัง
ชัยยะ ชัยยะ อะระหันตา ปัจเจ กะพุทธะสา วัง ชัยยะ ชัยยะ มะเห สุโร หะโร หะริน เทวา ชัยยะ ชัยยะ พรัหมา สุรักโข ชัยยะ ชัยยะ นาโค วิรุฬ หะโก วิรู ปักโข จัน ทิมา ระวิ อินโท จะ เวนะ เตยโย จะกุเว โร วะรุโณ ปิ จะ อัคคิ วาโย จะ ปา ชุณโห กุมาโร ธะตะรัฏฏะโก อัฏฐา ระสะ มะหา เทวา สิทธิตา ปะสะอา ทะโย อิสิ โน สา วะกา สัพ พา ชัย ยะ ราโม ภะวัน ตุเต ชัยยะ ธัมโม จะ สังโฆ จะ ทะสะปาโล จะ ชัยยะ กัง เอเต นะ ชัยยะ เต เชนะ ชัยยะ โสตถี ภะวันตุ เต เอเตนะ พุทธะ เต เชนะ โหตุ เต ชัยยะมัง คะลัง
ชัยโย ปิ พุทธัสสะ สิริมะโต อะยัง มารัสสะ จะปา ปิมะโต ปะรา ชะโย อุคโฆ สะยัม โพธิ มัณเฑ ปะโม ทิตา ชัยะตะทา พรัหมะคะนา มะเหสิโน ชัยโย ปิ พุทธัสสะ สิริมะโต อะยัง มารัสสะ จะปา ปิมะโต ปะรา ชะโย อุคโฆ สะยัม โพธิ มัณเฑ ปะโม ทิตา ชัย ยะตะทา อินทะ คะณา มะเห สิโน ชัยโย ปิ พุทธัสสะ สิริมะโต อะยัง มารัสสะ จะปา ปิมะโต ปะรา ชะโย อุคโฆ สะยัม โพธิ มัณเฑ ปะโม ทิตา ชัยยะตะทา เทวะ คะณา มะเห สิโน











เหลือเวลา
รายการปิดแล้ว!

วันที่เริ่ม June 23, 2020 10:21:43
วันที่ปิดประมูล June 24, 2020 12:03:00
ราคาเปิด10
เพิ่มครั้งละ10
ธนาคารกรุงเทพ (ฟิวเจอร์) ,

lekc4

ผู้เสนอราคาล่าสุด

1810

ราคาล่าสุด


ความคิดเห็นจากผู้ซื้อ


+1 Auto Feedback


lekc4July 24, 2020 12:09:00

ความคิดเห็นจากผู้ขาย


EF 2390 4525 5 TH ขอขอบคุณท่านที่มาอุดหนุนครับ


พันธุ์ทิพย์June 27, 2020 08:15:34

รายละเอียดเพิ่มเติม

ความเห็นจากเพื่อนสมาชิก

ประวัติการประมูล

ประวัติการเสนอราคา

ชื่อสมาชิก/วันที่เสนอราคา เสนอ

ประวัติการเสนอราคา

เหลือเวลา
รายการปิดแล้ว!


ต้องการเข้าร่วมประมูล !

ท่านต้องเป็นสมาชิกที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วเท่านั้น