ʕ•́ᴥ•̀ʔっ. . เหรียญพระชัยหลังช้าง หลัง ภปร.
เนื้อฝาบาตร วัดบวรฯ กรุงเทพมหานคร ปี2530
+ บัตรตรวจสอบพระแท้ เรียบร้อยครับ
***เหรียญสวยไม่ผ่านการใช้ พระดี พิธีดี ราคาไม่แรง
รายละเอียด . .
"เหรียญพระชัยหลังช้าง" เหรียญดังพิธีดีอีกเหรียญหนึ่งที่หยิบยกมากล่าวถึง เป็นเหรียญที่ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ แห่งวัดสามพระยา กรุงเทพมหานคร ในนามคณะสงฆ์ได้ดำเนินการจัดสร้างขึ้น
สืบเนื่องในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชฯ
ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ 60 พรรษา ในปี พ.ศ.2530
เป็นเหรียญปั๊มด้านหน้าเป็นรูปพระชัยวัฒน์ที่เรียกกันว่า
"พระชัยหลังช้าง" ด้านหลังเป็นพระปรมาภิไธยย่อ "ภปร."
มีอักษรปรากฏบนเหรียญว่า "5 ธันวาคม 2530"
และ "คณะสงฆ์สร้างในมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ"
. . "เหรียญพระชัยหลังช้าง" เป็นเหรียญดีเพราะพิธีการจัดสร้าง
เปี่ยมด้วยความศักดิ์สิทธิ์ ทั้งเจตนาการจัดสร้างเพื่อนำรายได้
จากการบริจาคบูชานั้น ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2530
ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร
มีพระเกจิอาจารย์ดังปลุกเสกมากมาย ประการสำคัญยิ่ง
เหรียญพระชัยหลังช้าง มีสมเด็จพระสังฆราชถึง 2 พระองค์ ร่วมปลุกเสก
นั้นคือ
สมเด็จพระสังฆราช (วาส) วัดราชบพิธฯ และ
สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร
ที่ต่อมาได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช เมื่อปี พ.ศ.2532
. . "เหรียญพระชัยหลังช้าง"มีสมเด็จพระราชาคณะที่ร่วมปลุกเสกอีก
คือ
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา
สมเด็จพระวันรัต วัดโสมนัสวิหาร
สมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดปทุมคงคา
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว) วัดสระเกศ
เมื่อครั้งยังเป็นที่พระพรหมคุณาภรณ์
แล้วยังมีพระเกจิอาจารย์ดังแห่งยุคนั้น อาทิ
หลวงพ่อแพ แห่งวัดพิกุลทอง จังหวัดสิงห์บุรี
พระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) วัดท่าซุง
หลวงปู่ศรี วัดป่ากุง
หลวงพ่อชื้น วัดญาณเสน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พระครูสันติวรญาณ (สิม) วัดถ้ำผาปล่อง
พระอุดมสังวรเถร (อุตตมะ) วัดวังก์วิเวการาม จังหวัดกาญจนบุรี
พระครูฐาปนกิจสุนทร (เปิ่น) วัดบางพระ จังหวัดนครปฐม
หลวงปู่ม่น วัดเนินตาหมาก จังหวัดชลบุรี
พระครูเกษมธรรมนันท์ (แช่ม) วัดดอนยายหอม
พระครูปริมานุรักษ์ (พูล) วัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม
* * ที่สำคัญ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง
ท่านเคยกล่าวไว้กับลูกศิษย์ของท่านว่า เหรียญพระชัยหลังช้างนี้
เป็นเหรียญที่มีพุทธานุภาพดีมากๆ
กล่าวสำหรับพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์รัชกาลปัจจุบันนี้
มีความเป็นมาสืบเนื่องจากราชประเพณี
หล่อพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ประจำรัชกาล
เริ่มเมื่อ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ทรงมีพระราชดำริว่า พระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ประจำพระองค์
ที่เชิญไปในราชการศึกสงคราม ซึ่งเรียกกันว่า "พระชัยหลังช้าง"
นั้น ได้เชิญไปประดิษฐานหน้าพุทธบัลลังก์พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เพราะเป็นพระพุทธรูปคู่บารมีมาด้วยกัน
จึงขาดพระพุทธปฏิมาสำหรับถวายสักการะ ณ พระราชมณเฑียร
จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ขึ้นแทน ถวายพระนามว่า พระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ประจำรัชกาล
- ในรัชกาลต่อมา เมื่อประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว
ถือเป็นราชประเพณีที่จะต้องหล่อพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์สืบมา
ทุกรัชกาล
- พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ รัชกาลที่ 9
ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2493
ยังไม่ได้สร้างพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ประจำรัชกาล
ในการพระราชพิธีจึงต้องเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ของรัชกาลที่ 5
ซึ่งเป็นสมเด็จพระบรมอัยกาธิราช เป็นพระพุทธรูปประธาน
ในงานพระราชพิธี ครั้น พ.ศ.2495
เสด็จพระราชดำเนินกลับจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์
มาประทับพระนคร พ.ศ.2506 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้หล่อพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ประจำรัชกาลตามราชประเพณี
และโปรดเกล้าฯ ให้ นายพิมาน มูลประมุข เป็นช่างปั้นหุ่นพระพุทธรูป
พระเครื่องและเหรียญที่ระลึกที่มีพระปรมาภิไธยย่อ "ภปร"
ประดิษฐานอยู่ ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า หรือด้านหลัง
ถือว่าเป็นสิ่งมงคลที่น่าเก็บสะสมบูชาอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะเหรียญพระพุทธรูปของ วัดต่างๆ
ที่มีตรา ภปร.ประดิษฐานอยู่ด้านหลังนั้นมีอยู่จำนวนมากเช่นกัน
- หลายๆ รุ่นมีพิธีการสร้างที่เข้มขลัง และมีพุทธศิลป์ที่งดงามอย่างยิ่ง
ดั่งเช่นเหรียญพระพุทธ หรือเหรียญพุทธคุณ พระปรมาภิไธยย่อ ภปร.
ที่เรียกขานกันว่า "เหรียญพระชัยหลังช้าง"
สร้างโดยคณะสงฆ์ทั้ง 2 นิกาย
ในปีมหามงคลเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ 60 พรรษา
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 5 ธ.ค.2530
"เหรียญพระชัยหลังช้าง" มีเนื้อทองคำ, เนื้อเงิน, เนื้อกะไหล่ทอง
มูลเหตุที่นำรูป พระชัยหลังช้างมาจัดสร้างเพื่อเทิดพระเกียรติล้นเกล้า
ทั้งสอง พระองค์ ด้วยเห็นว่าพระชัย (หลังช้าง)
เป็นพระคู่บ้านคู่เมือง คู่บุญญาบารมีของปฐมกษัตริย์แห่งราชจักรีวงศ์
ควรที่ประชาชนจะมีไว้สักการบูชา
เพราะเป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในพระองค์
ดังเช่น สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น)
อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรุงเทพฯ
ได้ลิขิตไว้ว่า"เหรียญพระชัยหลังช้าง"
"หากอยู่กับบ้านก็คุ้มบ้าน หากอยู่กับตัวก็คุ้มตัว"
และเพื่อเป็นการยืนยันคำพูดดังกล่าว
ท่านจึงได้จัดพิมพ์หนังสือเรื่อง
"ปรากฏการณ์อันน่าพิศวงเกี่ยวด้วยเหรียญพระชัย (หลังช้าง)" ขึ้น
โดยรวบรวมเรื่องราวจากผู้ที่ได้รับประสบการณ์จากเหรียญนี้มากมายหลายท่าน
* * เหรียญพระชัยหลังช้าง ความเป็นมาของ "พระชัยวัฒน์"
เดิมมีพระนามว่า "พระชัย" หรือ "พระไชย"
ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้ออกพระนามเพิ่มว่า "พระไชยวัฒน์"
และได้เปลี่ยนพระนามมาเป็น "พระชัยวัฒน์"
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลปัจจุบัน
เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับนั่งขัดสมาธิเพชร
มีฉัตรปรุ 5 ชั้นปักกั้น หน้าตักกว้าง 7 นิ้ว
สูงจากทับเกษตรถึงยอดพระรัศมี 9 นิ้ว
มีพัดแฉกหล่อด้วยเงินปักข้างหน้า ที่ฐานมีคำจารึก
ซึ่งเป็นต้นแบบในการนำมาสร้าง เหรียญพระชัยหลังช้าง
* * ผู้ใดมีเหรียญนี้รุ่นใดรุ่นหนึ่งอยู่แล้ว
ก็ขอให้รับรู้ถึงความพิเศษยิ่งของพระชัยหลังช้าง
ขออย่าลืมเลือนในคุณค่าสุดวิเศษยิ่งในมือ
ขอจงสักการะบูชาให้ซึ้งถึงดวงใจอย่างภาคภูมิ
สมดังพระราชปณิธาน
แห่งองค์สมเด็จพระปฐมบรมมหากษัตริยาธิราชเจ้า
จอมบดินทร์ปิ่นสยาม มหาราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ที่สะท้อนกู่ก้องประดุจสีหนาทบันลือ
ด้วยตอนหนึ่งในพระราชนิพนธ์ นิราศท่าดินแดงว่า
. . . ตั้งใจจะอุปถัมภก ยอยกพระพุทธศาสนา
ป้องกันขอบขันธสีมา รักษาประชาชนและมนตรี. . .
..
เปิดบูชา xxx.- (พร้อมจัดส่ง EMS)
สนใจ..ส่งข้อความแจ้งมาได้เลยครับ