ตำนานหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดเกรียงไกรกลาง จ.นครสวรรค์
“หลวงพ่อสัมฤทธิ์” เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย เนื้อทองสำริด
ขนาดหน้าตักกว้าง ๙๙ เซนติ เมตร สูง ๑๓๙ เซนติเมตร
คาดว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย ต่อมากรุงสุโขทัยเสื่อมอำนาจลง
ประกอบกับเป็นช่วงที่มีศึกสงครามบ่อยครั้ง
ชาวกรุงสุโขทัยจึงได้นำพระพุทธรูปขึ้นแพล่องมาตามลำน้ำ
จนกระทั่งล่วงมาถึงปากน้ำเชียงไกล แพที่นำมาเกิดจมลง
ชาวบ้านจึงช่วยกันนำพระพุทธรูปขึ้นประดิษฐานไว้ที่ริมแม่น้ำบริเวณปากน้ำเชียงไกล
และโบกปูนปิดทับไว้ที่ด้านนอกองค์พระเพื่อป้องกันคนร้าย
ซึ่งในขณะนั้นบริเวณดังกล่าวยังไม่มีวัด
พระพุทธรูปจึงถูกทิ้งตากแดดตากฝนไว้ที่ริมแม่น้ำเป็นเวลาหลายปี
เมื่อประมาณ พ.ศ.๒๑๗๔ ตรงกับสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น
ชาวบ้านปากน้ำเชียงไกลจึงช่วยกันสร้างวัดขึ้น ณ ตรงที่ประดิษฐานพระพุทธรูปนั้น
ในขณะนั้นยังเป็นช่วงที่มีศึกสงคราม ด้วยเพิ่งสร้างกรุงศรีอยุธยาใหม่ๆ
อีกทั้งเมืองนครสวรรค์หรือเมืองพระบางเป็นเมืองหน้าด่านทางทิศเหนือจึงไม่เป็นการปลอดภัย
วัดที่สร้างขึ้นได้ตั้งชื่อตามหมู่บ้านว่าวัดเชียงไกล
ต่อมาชื่อหมู่บ้านปากน้ำเชียงไกลเพี้ยนไปเป็นบ้านเกรียงไกร
และมีหมู่บ้านใหญ่โตแยกออกไปเป็น
บ้านเกรียงไกรเหนือ
เกรียงไกรกลาง
เกรียงไกรใต้
วัดจึงได้เปลี่ยนชื่อตามหมู่บ้านเป็นวัดเกรียงไกรกลาง
จนถึงปัจจุบัน
พ.ศ.๒๒๒๔ วัดเชียงไกลได้สร้างพระอุโบสถขึ้น
เพื่อให้ปลอดภัยจากสงครามและโจรผู้ร้าย
ชาวบ้านจึงได้อัญเชิญพระพุทธรูปเข้ามาไว้ในพระอุโบสถ
โดยซ่อนพระพุทธรูปไว้ในผนังพระอุโบสถ เวลาล่วงเลยมานานหลายร้อยปี
ไม่มีใครรู้ว่ามีพระพุทธรูปซ่อนอยู่ในผนังพระอุโบสถ
จวบจนกระทั่ง พ.ศ.๒๕๑๑ ได้มีการซ่อมผนังพระอุโบสถ
จึงได้พบพระพุทธรูปซ่อนอยู่ ซึ่งในตอนแรกที่พบเห็นเป็นพระพุทธรูปปูนปั้น
ไม่มีใครทราบว่าเป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์
ต่อมา ปูนที่ห่อหุ้มพระพุทธรูปเกิดรอยกะเทาะบริเวณไหล่
และมีแสงส่องเข้ามาเห็นแสงสะท้อน
ชาวบ้านจึงช่วยกันนำพระพุทธรูปออกจากพระอุโบสถมากะเทาะปูนที่ห่อหุ้มพระพุทธรูปออก
จึงทราบว่าเป็นพระพุทธรูปทองสำริดและเรียกพระพุทธรูปนั้นว่าหลวงพ่อสัมฤทธิ์
หลังจากซ่อมแซมพระอุโบสถแล้ว
จึงได้อัญเชิญพระพุทธรูปมาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ
หลวงพ่อสัมฤทธิ์ ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถเก่ามาเป็นเวลานาน
ต่อมาพระอุโบสถชำรุดและมีโจรผู้ร้ายลักตัดเศียรพระ
เพื่อความปลอดภัยทางวัด
จึงได้โยกย้ายหลวงพ่อสัมฤทธิ์ออกมาจากพระอุโบสถและสร้างวิหารที่แน่นหนามีประตูเหล็กปิดอย่างดี
แต่ต้องย้ายหลวงพ่อสัมฤทธิ์กลับมาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถอย่างเดิม
เพื่อให้ประชาชนได้สักการบูชา ด้านความศักดิ์สิทธิ์
หลวงพ่อสัมฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะสมส่วน อ่อนช้อยสวยงาม
เป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านเกรียงไกรมานาน
เหตุที่หลวงพ่อสัมฤทธิ์เป็นที่เคารพสักการะอันหนึ่ง คือ ความงามทางพุทธศิลป์ และปูนปั้นที่ห่อหุ้มองค์พระ
หลังจากที่มีรอยกะเทาะและเห็นเป็นพระพุทธรูปทองสำริด
ชาวบ้านได้ช่วยกันกะเทาะปูนที่หุ้มองค์พระออก
ปรากฏว่าเป็นปูนผสมรักปิดทอง ทางวัดได้เก็บเศษปูนที่กะเทาะออกไว้
มีชาวบ้านหลายคนได้นำเศษปูนไปเลี่ยมพลาสติกแขวนคอเป็นของขลังติดตัว
นายชุบ กระตือหน ชาวบ้านหมู่ ๕ ต.เกรียงไกร มีอาชีพทำน้ำตาล
ซึ่งนายชุบมีเศษปูนหลวงพ่อสัมฤทธิ์บูชาติดตัวเป็นประจำ
วันหนึ่งนายชุบเกิดเมาน้ำตาลและทดลองอธิษฐานเศษปูนนั้นแล้วเอามีดปาดตาลฟันที่แขนตนเองอย่างแรง
แต่ปรากฏว่าไม่มีรอยแผลแม้แต่น้อย
ทำให้ชาวบ้านเกรียงไกรต่างฮือฮาถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อสัมฤทธิ์
และต่างพากันแสวงหาเศษปูนไปบูชาประจำบ้านกัน
ใครที่มีอยู่ต่างก็หวงแหนเก็บไว้
ต่อมาหลวงพ่อบุญเหลือ อดีตเจ้าอาวาสและกรรมการวัดได้นำเอาเศษปูนมาเป็นส่วนผสมในการสร้างพระสมเด็จ
เพื่อออกแจกจ่ายให้ประชาชนเช่าบูชา
พระสมเด็จดังกล่าวเป็นที่นิยมของประชาชนทั่วไปจนหมดจากวัดไปในเวลาไม่นาน
เนื่องจากผู้ที่ได้พระสมเด็จไปบูชาติดตัว
ต่างก็ประสบความอัศจรรย์หลายอย่าง ทั้งทางด้านการค้าและแคล้วคลาดปลอดภัยจากอุบัติเหตุ
รวมทั้งการบนบานขอให้ได้ประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน
ก็ไม่เป็นที่ผิดหวังเหมือนกับชื่อหลวงพ่อสัมฤทธิ์ คือ จะสัมฤทธิผลในสิ่งที่ถูกที่ควร
เชิญพิจารณาครับ พร้อมจัดส่งถึงบ้านครับ
ขออนุญาตงดจัดส่งของทุกวันเสาร์-อาทิตย์
และทุกวันหยุดราชการนะครับ ขอบคุณครับ
ปิดประมูลแล้วเงียบหาย ไร้การติดต่อ "ให้คำติตาม"กฎ-กติกา"นะครับ"
ยอดปิดประมูลไม่ถึง 5000 บาท ส่งออกบัตรเองนะครับ
ท่านต้องเป็นสมาชิกที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วเท่านั้น