..พระครูมูลท่านมีฐานะเป็นเพียงพระลูกวัดธรรมดาเท่านั้น...เป็นพระสวดพิธีกรรมในพิธีปลุกเสกพระกริ่ง พระชัยวัฒน์ของวัดสุทัศน์ฯที่ทางวัดจัดขึ้นไม่ค่อยปรากฏชื่อเสียงทางเวทย์วิทยาคมเหมือนเกจิอาจารย์ท่านอื่นๆในยุคสมัย60-70ปีก่อน ..เรื่องเวทย์วิทยาคมศิษย์บอกว่าท่านก็มีพอตัวอยู่เพราะว่าพระสงฆ์สมัยก่อนเมื่อบวชแล้วหรือยิ่งบวชนานๆหลายพรรษามักจะเรียนวิชาอาคมเพื่อประดับตัวเอาไว้เสมอ*
.. พระครูลมูลท่านรู้กิตติศัพท์ของพระสมเด็จวัดระฆังมานานแล้ว...ท่านจึงพยามยามเก็บรวมรวมพระสมเด็จวัดระฆังที่ชำรุดแตกหักเป็นชิ้นๆเอาไว้ คนเมื่อรู้ว่าพระครูมูลเก็บรวบรวมชิ้นส่วนชำรุดของสมเด็จวัดระฆังเพื่อสร้างพระขึ้นใหม่จึงนำเอาชิ้นส่วนของสมเด็จวัดระฆังมาถวายท่านเรื่อยๆเนื่องจากสมัยนั้นคนยังมีคติไม่นิยมนำพระแตกหักชำรุดไว้ในบ้าน..
จึงทำให้มีคนนำเอาพระสมเด็จวัดระฆังที่แตกหักชำรุดมามอบให้พระครูมูลมากขึ้นเรื่อยๆว่ากันว่าพระครูมูลท่านเก็บสะสมชิ้นส่วนแตกหักของพระสมเด็จวัดระฆังได้เป็นจำนวนมากเป็นปี๊บกันเลย...
เมื่อรวบรวมชื้นส่วนแตกหักของพระสมเด็จวัดระฆังได้เป็นจำนวนมากพอต่อความต้องการแล้วพระครูมูลจึงนำชิ้นส่วนพระสมเด็จวัดระฆังทั้งหลายนั้นมาป่นให้ละเอียดผสมกับปูนขาวเป็นเนื้อหลัก...แล้วสร้างเป็นสมเด็จขึ้นมาใหม่ในปีพ.ศ.2484เป็นพิมพ์เกศบัวตูม...เมื่อกดพิมพ์พระได้จำนวนที่ต้องการแล้วพระครูมูลได้นำพระสมเด็จที่ท่านสร้างนี้เข้าร่วมพิธีปลุกเศกพร้อมกับพระกริ่ง พระชัยวัฒน์ที่ทางวัดสุทัศน์จัดขึ้น
.. ความจริงแล้วพระสมเด็จที่พระครูมูลสร้างขึ้นมาในครั้งนั้นถึงจะไม่นำฝากเข้าร่วมพิธีปลุกเสก...ก็มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัวแล้วเนื่องจากมีผงเก่าผสมอยู่เป็นจำนวนมากนั่นเองแต่ด้วยความที่อยากให้พระสมเด็จมีพุทธคุณมากยิ่งๆขึ้นพระครูมูลจึงนำพระเข้าร่วมพิธีปลุกเสกด้วย...ระหว่างนั้นเมื่อมีใครมาขอพระสมเด็จจากพระครูมูลท่านก็จะหยิบแจกให้ฟรีๆไปเรื่อยๆส่วนที่เหลือเมื่อมีพิธีปลุกเสกที่วัดสุทัศน์ฯขึ้นครั้งใดท่านก็จะนำเอาพระสมเด็จฝากเข้าร่วมพิธีในพิธีอีก...ใครมาขอก็แจกให้ ทำอย่างนี้ไปเรื่อย...จนกระทั่งพระสมเด็จที่ท่านสร้างครั้งแรกหมดไป...จนกระทั่งในปีพ.ศ. 2495พระครูมูลท่านได้นำชิ้นส่วนของพระสมเด็จที่เหลือจากการสร้างพระสมเด็จครั้งแรกมาผสมกับชิ้นส่วนของพระสมเด็จวัดระฆังและพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมที่ท่านหามาเพิ่มเติมทีหลังสร้างขึ้นมาใหม่อีก...ครั้งนี้ท่านสร้างเป็นพิมพ์พระประธานแบบมีหน้ามีตาซึ่งจะปรากฏรายละเอียดสวยงามกว่าพระสมเด็จพิมพ์เกศบัวตูมที่ท่านสร้างขึ้นครั้งแรกนอกจากนี้ยังมีการสร้างเป็นพิมพ์สามเหลี่ยมนางพญาและพิมพ์คะแนนด้วยซึ่งการสร้างพระสมเด็จของพระครูมูลครั้งหลังนี้ท่านก็ทำเหมือนครั้งแรกคือฝากเข้าพิธีปลุกเสกที่ทางวัดจัดขึ้นทุกครั้งแล้วก็แจกไปเรื่อยๆจนกระทั่งหมดไปในที่สุด
***พระสมเด็จของพระครูมูลมีการนิยมมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่2แล้ว สมัยนั้นคนได้รับแจกพระสมเด็จจากท่านต่างมีประสบการณ์ทางด้านนิรันดร์ตรายกันมากจึงนิยมใช้แทนพระสมเด็จวัดระฆังนับแต่นั้นมา พูดถึงพุทธคุณทางด้านเมตตามหานิยมของสมเด็จพระครูมูลก็มีผู้มีประสบการณ์กันไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว เพราะว่าไปแล้วการใช้พระสมเด็จพระครูมูลก็เหมือนการใช้พระสมเด็จวัดระฆังดีๆนั่นเอง***
