รูปถ่าย นิโรธสมาบัติ หลวงพ่อกัสสปมุนี วัดปิปผลิวนาราม บ้านค่าย จ.ระยอง พ.ศ. 2507
รูปถ่าย นิโรธสมาบัติ หลวงพ่อกัสสปมุนี วัดปิปผลิวนาราม บ้านค่าย ระยอง รูปถ่าย นิโรธสมาบัติหลังยันต์พุทธเกษตร หลวงพ่อกัสสปมุนี สภาพสวยมาก สร้างและปลุกเสกโดย หลวงพ่อกัสสปมุนี วัดปิปผลิวนาราม บ้านค่าย ระยอง เมื่อปี พ.ศ. 2507 หลวงพ่อกัสสปมุนีได้เดินทางไปยังชมพูทวีปหรือประเทศอินเดีย และบำเพ็ญภาวนา อยู่นานถึง 5 เดือน ตลอดเวลาที่ท่านเดินทางไปนมัสการสังเวชนียสถาน ท่านจะห่มดองหรือห่มลดไหล่ตลอด ในขณะที่พระเถระองค์อื่น ๆ จะห่มคลุมตามพระวินัยบัญญัติว่า เมื่อภิกษุออกนอกบริเวณวัด ต้องห่มคลุมให้เป็นปริมณฑลคือข้างบนจีวรต้องติดคอ ด้านล่างต้องคลุมครึ่งแข้ง ท่านให้เหตุผลว่าชมพูทวีปเป็นดินแดนแห่งพระพุทธองค์ ทุกหนแห่งที่พระองค์ทรงจาริกไปแสดงธรรม จึงถือว่าเป็น ‘เขตพุทธาวาส’ ทั้งสิ้น ท่านจึงไม่ห่มคลุม และทุกแห่งที่ท่านไปนมัสการ ตามพุทธประวัติก็ดี ตามโบราณาจารย์ ว่าสถานที่นี้พระพุทธเจ้าทรงกระทำพุทธกิจ หลวงพ่อท่านยังไม่เชื่อทีเดียว หากท่านลงมือนั่งภาวนา ‘ตรวจสอบ’ ด้วยองค์ท่านเองในที่ทุกแห่ง กระทั่งจิตท่านเห็นชัดว่า ณ สถานที่นี้พระพุทธองค์ได้ทรงทำกิจดังกล่าวแล้วจริง ๆ ท่านจึงเชื่อ และเมื่อท่าน ‘พิจารณา’ ด้วยฌานของท่านแล้ว ปรากฏว่าในทุกสถานที่ล้วนเป็นของจริงทั้งสิ้น ทุกแห่งแฝงเร้นด้วยพระพุทธบารมีที่ยังคงอบอวลแผ่รัศมีอยู่ตลอดเวลา ภาพถ่าย นิโรธสมาบัติ หน้าสถูป หลวงพ่อท่านกำลังนั่งภาวนาอยู่ที่ถ้ำ อจินตา ขณะที่ท่านเข้าฌาน มีชาวต่างประเทศได้ผ่านมาพบและ ทำการบันทึกภาพท่านไว้ ภายหลังก็ได้นำรูปนั้นมาให้ท่านดู ปรากฏว่าท่านไม่พอใจมาก เพราะแอบถ่ายโดยไม่ขออนุญาต และเพราะท่านแต่งตัวไม่เรียบร้อย ท่านจึงดุเขา (เพราะท่านพูดภาษาอังกฤษได้ดีเยี่ยม) และยึดทั้งรูปทั้งฟิล์มกลับมา ครั้นกลับเมืองไทยแล้ว คณะศิษย์อยากได้ของที่ระลึกจากท่าน ท่านจึงให้นำฟิล์มนี้ไปอัดออกมาเป็นรูปใบน้อย และยังเมตตาเขียนยันต์วิเศษที่ชื่อว่า ‘ยันต์พุทธเกษตร’ มอบให้ด้วยลายมือท่านเอง (ท่านได้มาเมื่อครั้งไปวิเวกภาวนาใน จ.ลพบุรี ยันต์พุทธเกษตรได้ปรากฏขึ้นในนิมิตท่าน ท่านบอกว่ายันต์นี้มีอานุภาพครอบจักรวาล ตามแต่ผู้ใช้จะอธิษฐานให้เป็นไปดังปรารถนา) ศิษย์ได้นำยันต์พุทธเกษตรลายมือท่านไปบันทึกเป็นภาพถ่ายใบน้อยออกมาอีก 1 ใบ จากนั้นก็นำรูปหลวงพ่อกับรูปยันต์พุทธเกษตรนี้ประกบเข้าด้วยกัน แล้วนำมาถวายให้ท่านอธิษฐานจิตแจกผู้ศรัทธาในราวปี พ.ศ. 2508 –2509 หลวงพ่อเคยบอกว่า นิโรธสมาบัติ นี้มีอานุภาพมากนัก มิใช่แต่กุฏิของท่านเท่านั้น แต่กำลังแห่งนิโรธยังครอบคลุมไปทั่วภูเขา ‘สุนทรีบรรพต’ อันเป็นที่ตั้งวัด อย่าว่าแต่ของในกุฏิท่านเลย แม้กรวดหินหน้าวัดหากจะหยิบขึ้นมาแล้วตั้งจิตระลึกถึงท่านก็ยังมีอานุภาพได้
หลวง พ่อกัสสปะมุนี วัดปิปผลิวนาราม อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พระที่หลวงปู่ดู่นับถือคุณธรรม
-ท่านเคย เกิดเป็นฤาษี สมัยพุทธกาล จึงมีฤทธิของเก่าติดตามมามาก แม้ชาตินี้จะบำเพ็ญไม่นาน ก็สำเร็จธรรมขั้นที่น่าพอใจ
ชาติ ปัจจุบัน ท่านเป็นข้าราชการชั้นสูง เกือบได้เป็นรองอธิบดี กระทรวงพาณิชย์ แต่ขอลาออกก่อนเกษียน
เพื่อไปบวช เนื่องจากเกิดมรณานุสติ เห็นคนที่รู้จักเสียชีวิตอย่างกะทันหัน
-ท่านสอนกรรมฐานแนวอานาปาน สติ แบบกำหนดรู้ลมหายใจอย่างเดียวล้วนๆ โดยไม่ต้องบริกรรมคำภาวนาใดๆทั้งสิ้น (ผมเข้าใจเอาเองว่า ท่านสำเร็จธรรมด้วยอานาปานสติ จึงมุ่งเน้นสอนศิษย์ของท่านในแนวนี้จริงๆ ว่าให้ทำแบบที่ท่านสอน คือ กำหนดลมหายใจล้วนๆ โดยไม่ต้องใช้คำบริกรรมภาวนา เช่น คำสอนทีว่า "ดับความครุ่นคิดในใจทั้งปวงแล้วกำหนดรู้ลมหายใจเท่านั้น")