หมากไม้มณีโคตร โดย KiatiChai:WatthuMongkhon
ก่อนอื่นต้องขอเล่าที่มาที่ไปขององค์มณีโคตรนี้ก่อนน่ะครับ องค์มณีโคตรหรือมหากไม้มณีโคตรมีลักษณะ เป็นผลไม้หรือรูปสัตว์ต่างๆที่กลายเป็นหินมีอายุหลายล้านปี ผิวเรียบเนียนคล้ายดินปั้น บริเวรผิวมีเกล็ดสีทองระยิบระยับ ถือเป็นของมงคลหายากสุดแสน โดยองค์มณีโคตรนี้ถือเป็นของสูงของพระพุทธองค์ โดยลักษณะของต้นมณีโครตจะเป็นต้นไม้ที่กลายเป็นหินอยู่ใต้ผืนดินและมีผลของมณีโคตรนี้อยู่ในต้นนั้น ซึ้งได้กลายเป็นหิน บ้างมีลักษณะคล้ายดังผลไม้ บ้างก็คล้ายสัตว์ แหล่งที่พบองค์มณีโคตรนี้มีพระผู้ปฏิบัติท่านหนึ่ง ของจังหวัดอุบลราชธาณีได้นั้นสมาธิพวนาแล้วเกิดเห็นแสงประหลาด ส่องแสงออกมาจากไต้ผื่นดิน หลังจากนั้นจึงได้นำรถขุดดินมาขุดจึงได้เจอกับต้นขององค์มณีโคตรที่ออกลูกออกผลเต็มต้น หลังจากนั้นท่านได้ทำพิธีบวงสรวงขอนำมาช่วยเหลือคน โดยเชื่อว่าองค์มณีโรตนี้เป็นของศักสิทธิ์หายาก ผู้ไดได้ครอบครองถือว่ามีบุญบารมี ท่านว่าไห้เอาองค์มณีโคตรแช่น้ำทำน้ำมนต์หายจากโรคอาการวิประริตทั้งปวง หรือแม้กระทั้งแช่ทำน้ำมนต์ภูตผีปีศาจไม้กล้าเข้าไกล้ หมากไม้มณีโครตนี้หรือแม้แต่จะพกติดตัวก็วิเศษนัก กันได้ทุกสารพัด ผีสางกลัวนัก เพราะเป็นผลบุญขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้บังเกิดองค์มณีโครตนี้ขึ้นมา เคยมีบางท่าน ไปเจอคนที่ผีเข้า แล้วท่านได้ห้อยมณีโคตรไปด้วยแค่เดินมาเข้าไกล้ผีที่เข้าสิงสู่ถึงกับร้องชักดิ้นชักงอ ออกจากร่าง หมากไม้มณีโรตนี้เป็นของหายาก เกิดขึ้นมาตั้งนมนานปีแต่ขึ้นมาไห้มนุษได้บูชาและครอบครอง แค่สองสามปีเท่านั้น นะปัจจุบันนี้หมากไม้มณีโคตรได้หมดไปแล้ว กระผมได้มาจากอาจารย์สายฆราวาสท่านหนึ่งที่ได้ศัทธาในองค์มณีโคตรและได้ เป็นหมอรักษาโดยใช้องค์มณีโคตรรักษา หมากไม้มณีโคตรนี้ไห้บูชาเฉพาะผู้ที่เป็นเจ้าของ เป็นของหายาก ผู้มีบุญวาสนาถึงจักได้ครอบครอง ไม่ได้ไห้กันง่ายๆ ถ้าหมดแล้วจะไม่มีอีก และต่อไปจะมีราคาสูงขึ้นมาก หมากไม้มณีโครตมีความขลังในตัวเรียกว่าโคตรแล้ว สามารถถอนออกได้ทั้งโครตเงา ถอนสิ่งไม่ดีทั้งปวง ป้องกันภัยร้ายได้สารพัด เป็นของมงคลหายากจำนวนน้อย
หมากไม้มณีโคตรนี้ยังมีตำนานเล่าว่าที่ประเทศลาวยังมีต้นของไม้มณีโคตรที่เกิดอยู่กลางลำน้ำที่คอนพะเพ็ง ยังมีอยู่ต้นเดียวที่เหลืออยู่ ซึ่งเป็นที่เค้ารพศัทธากันของ ชนชาวลาว
พันเจ็ดร้อยล้านปี(1700 ล้านปี) เป็นมโหสถวิเศษแก้ได้สารพัดโรค อำนวยโชคมหาสาร ต้นและผลกลายเป็นหินหมดแล้ว
กำเนิดต้นไม้มณีโคตรในตำรากล่าวไว้ว่ามีเมืองโบราณอยู่ 2เมืองซื่งเจ้าผู้ครองเมืองทั้ง 2รักใคร่กันมากเจ้าผู้ครองนครทั้ง 2 จึงได้ทำสัตยาบรรณซึ่งกันและกันว่า จะไม่รุกรานต่อกัน
เมืองแรกมีนามว่า ปุระเจ้าเมืองมีนามว่า มันธะระกะ มีภรรยาชื่อ อัฐณียะกะ มีราชบุตรชื่อ โสรัตพัธทะกะ
อีกเมืองหนึ่งมีนามว่า กบิลพรรดิ เจ้าเมืองชื่อ สุทโธธนะ มีพระมเหสีชื่อ สิริมหามายา มีราชบุตรชื่อ สิทธาตุ
เจ้าเมืองทั้งสองมีความเลื่อมใสในพระอิศวรเป็นล้นพ้น ทั้งสองอยากจะให้ราชบุตรไป เรียนวิชาอาคมจากพระอิศวรเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก แต่ไม่มีความสามารถทีจะส่งราชบุตรไปศึกษาเล่าเรียนสรรพวิชาจากพระอิศวรได้เพราะอยู่คนละภพสมัยนั้นมีพระฤาษีอยู่ 2 องค์ เท่านั้นที่ญาณแก่กล้ามากทีสุดในโลกพอทีจะขึ้นไปเข้าเฝ้าเพื่อขอพระพรจากพระ อิศวรได้คือองค์หนึ่งชื่อพระฦาษีมาลัยโกฏอีกองค์ซื่อพระฤาษีดาราดาบดเจ้า เมืองทั้งสอง 2 จึงได้จัดส่งราชบุตรไปศึกษาสรรพวิชากับพระฤาษีทั้ง 2 องค์
เจ้าเมืองปุระส่งราชบุตรไปเรียนวิชากับพระฤาษีมาลัยโกฏิพอเจ้าชายรัตถะปรนนิบัติพระอาจารย์ได้ 7 วัน พระฤาษีพระมาลัยโกฏิเรียกเข้าไปถามว่าต้องการเรียนวิชาอะไรเจ้าชายโสรัตถะ ตอบว่าบิดามารดาต้องการให้เรียนวิชาอยู่ยงคงกระพันต่างเพื่อนำไปปกปองบ้านเมืองแต่ข้าผู้น้อยไม่ชอบวิชานี้เท่าใดนักเพราะหัวเมืองต่างฯที่เล่าเรียนไป แล้วมักไปก่อกรรมทำเข็ญนำไพ่ฟ้าข้าแผ่นดินรบราฆ่าฟันกันเดือดร้อนไปทุกย่อมหญ้า ประชาชนในแผ่นดินไม่มีความสุขร่มเย็นเป็นสุขเท่าที่ควรข้าผู้น้อยขอ เรียนวิชาเกี่ยวกับการผสมยารักษาโรคต่างฯเพื่อนำไปรักษามนุษย์และสัตว์โลก เขาจะได้พ้นจากโรคภัยไข้เจ็บประกอบสมมาอาชีพด้วยสุขสันติ
ด้วยเหตุนี้พระฤาษี พระมาลัยโกฏจึงได้ถ่ายทอดวิชารักษาพยาบาลผสมตัวยาต่างฯให้กับกุมารน้อย ราชบุตรและได้นำพากุมารน้อยไปเฝ้าพระอิศวร ณ.ยอดเขาคีรีบรรพตหรือเขาหิมาลัยทุกวันนี้พระอิศวรได้ถามพระฤาษีว่าพระฤาษี และกุมารน้อยต้องการอะไรพระฤาษีพระมาลัยโกฏตอบว่าพาศิษย์มาเฝ้าซึ่งพระองค์ ผู้น้อยได้สอนวิชาผสมยาและวิชาไสยเวทย์วิทยาคมให้ศิษย์คนนี้หมดแล้วแต่ไม่ ทราบว่าจะเก็บสิ่งมีคุณค่าสูงเหล่านี้ไว้ ณ.ที่ใดขอพระองค์พระอิศวรเจ้าจงชี้แน่ะด้วยพระอิศวรจึงกล่าวว่าขอให้ทั้ง2บดยาให้ละเอียดแล้วขอฝากเจ้าแม่ธรณีปั้นอมไว้ข้าจะให้พรด้วยแก้ววิเศษแก้วผลึกอันสูดวิเศษและให้ชื่อว่า หมากไม้มณีโคตร
ทางฝ่ายเจ้าเมืองกบิลพรรดิ ได้จัดส่งราชบุตรไปเรียนวิชาสอนมนุษย์และสัตว์โลกจากพระฤาษีดาราดาบท จนสำเร็จแล้วก็กลับมาครองเมือง วันหนึ่งสิทธาตุได้มีพระราชสารเชิญโสรัธพัทธะกะมาปรึกษาในวิชาทั้งสองซึ่ง ทั้งผู้พี่ผู้น้องได้ศึกษาเล่าเรียนมานั้นโดยข้อตกลงเดิมว่า ถึงจะเรียนวิชามาคนละอย่าง ต่างสำนักมาก็ตามแต่หากผู้ใดบรรลุญาณแก่กล้ามาก่อน ก็ให้ช่วยกันจรรโลงวิชาของแต่ละฝ่าย อย่าให้สูญหายไปจากโลก ให้เป็นคู่กันนิรันดร
ณ.บัดนี้วันนี้ คำสัญญาของทั้งสอง พระองค์ได้บรรลุวัตถุประสงค์แล้ว เพราะมีมนุษย์ผู้ปฎิบัติดีปฏิบัติชอบ ซึ่งเคยปรนนิบัติพระอิศวรและพระพุทธโคดม ได้นำเอาผลไม้มณีโคตรมาบรรจุร่วมพระพุทธศาสนาแล้วโดยขอให้คุณธรรมคุณไสยทั้งสองมาดลบันดาลให้ผู้เลื่อมใสศรัทธา ตามที่ผู้ศรัทธาปรารถนาเทอญ ๙
----------
หมากไม้มณีโคตรจากตำนานต่อตำนาน
ล่าสุดพบในเรื่อง"รามเกียรติ์" ได้กล่าวไว้ในลักษณะเป็นอุทาหรณ์ในเรื่องกรรมดี กรรมชั่ว ดังนี้
มีพระดาบสองค์หนึ่งไปบำเพ็ญพรตยังเชิงเขาไกรลาส มีญาณแก่กล้ามาก มาวันหนึ่งพระฤาษีองค์นี้ไม่มีญาติโยมอุปถัมภ์ จึงได้ปั้นขี้ไคลของตนเองผสมน้ำผึ้งสวดพระคาภาอาคมเข้าไป จนกระทั่งไคลของตนเองผสมน้ำผึ้งกลายเป็นหญิงสาวที่มีร่างกายงดงามเป็นหนึ่งในโลก พระฤาษีให้เป็นโยมอุปถัมภ์และเป็นภรรยา
พระฤาษีนั้นจะภาวนาสมาธิ เป็นกิจวัตร 5 วัน 7 วัน 15 วัน วันหนึ่งพระอาทิตย์ได้นั่งราชรถผ่านมาพบนางแพงศรี(นางไคล) ชายาพระฤาษี ก็ใครเกิดความพิศมัยในตัวนางเพราะนางมีสิริโฉมงดงามที่สุด ทำให้นางมีบุตรกับพระอาทิตย์ 2 คน นามหนึ่งชื่อ สุครีพ อรกหนึ่งคนชื่อ พาลี เป็นบุคคลที่สง่างามเยี่ยงบิดาคือพระอาทิตย์ พระฤาษีสงสัยจึงได้นั่งญารดูก็รู้ว่าลูกทั้ง 2 คน ไม่ใช่ลูกของตนแต่เป็นลูกของพระอาทิตย์ที่เป็นชายชู้ของนาง เพราะทั้ง 2 คน ทั้งสง่างามและเต็มไปด้วยกำลังทางไสยเวทย์สูงมาก ทั้งๆที่ตัวเองยังไม่ได้สั่งสอนเวทย์มนต์ใดๆ
วันหนึ่งพระฤาษีก็บอกนางว่าจะเข้าญาณเป็นเวลา 15 วัน บอกให้นางดูแลลูกให้ดี โดยนางไคลชายาพระฤาษีไม่รู้ว่า พระฤาษีมีความต้องการจะจับผิดนางว่าแอบพบชายชู้หรือไม่ เมื่อสั่งชายาเสร็จพระฤาษีก็เข้าถ้ำเพื่อเข้าญาณ ในขณะเดียวกันนางไคลซึ่งคิดถึงชายชู้คือพระอาทิตย์มาก จึงได้แอบไปพบพระอาทิตย์ พระฤาษีจึงปรากฎตัวและโกรธพระอาทิตย์มาก พระอาทิตย์สำนึกผิดที่เป็นชู้กับชายาพระฤาษี ได้เปล่งวาจาว่า จะส่งแสงส่องสว่างมายังโลกมนุษย์เพื่อชดใช้กรรมชั่วนิรันดร ส่วนพระฤาษีก็ปรารภว่าขี้ไคลของตนเองแท้ๆยังไม่มีความซื่อตรงต่อผู้มีคุณ ต่อสามี จะต้องทำโทษด้วยการส่งนางด้วยการโยนไปยังต้นไม้มณีโคตรของพระอิศวรเจ้า ให้ใช้กรรมตามที่นางสร้าง
-ความแทรก-
พระอิศวรทรงกล่าวว่า ต้นไม้มณีโคตรสูงหลายโยช มีแสนหง่า แต่ละหง่ามีลูกแสนลูก
เมื่อมนุษย์ทั้งหลายได้สร้างกรรมใดอย่างไร จะมีเทวทูตทั้ง 8 ทิศนำพาวิญญาณเจ้าของกรรมเวรนั้นๆไปกินผลที่เป็นกรรมของผู้นั้นสร้างไว้ เพื่อจะได้ใช้กรรมที่สร้างมา
ส่วนมนุษย์-สัตว์ที่จะหมดเวรกรรมที่ตัวเองได้กระทำไว้ เทวทูตก็จะนำพาวิญญาณไปกินผลที่จะไปเกิดใหม่
พระฤาษีพูดจบในบัดนั้น ก็จับนางไคลชายาไม่ซื่อนอกใจไปยังยอดเขาหิมาลัยพร้อมด้วยลูกทั้ง2คน 3แม่ลูกถูกพระฤาษีสาปโยนไปยังบรรพตก็อดน้ำอดข้าวหิวโซ กระทั่งเดินทางไปถึงร่มเงาต้นไม้ใหญ่อันมีความสูงหลายโยช มีกิ่งก้านแสนหง่า แต่ละหง่ากิ่งก้านมีผลแสนลูกของพระอิศวร ในขณะที่ทั้ง 3 คนหิวจัดแทบจะขาดใจ ก็บัดดลมีผลของมณีโคตรหล่นมา 3 ผล 3 แม่ลูกรู้สึกกลิ่นหอมจึงได้พากันเก็บกินทันที ยังผลให้กลายเป็นลิงทุกคน
ครั้นพระอาทิตย์เห็น 3 แม่ลูกถูกต้องคำสาปจากพระฤาษีด้วยการกินลูกไม้มณีโคตร ก็เกิดความสงสารเป็นยิ่งนัก จึงได้ไปสร้างเมืองใหม่ขึ้นชื่อ เมืองขีดขิน ยกให้ลูกทั้ง 2 ไปปกครอง จัดกองทหารวานร(ลิง) ไปรับใช้ลูกทั้ง 2 คน ไปช่วยพระนารายณ์เพื่อรบกับทศกัณฑ์
ผลของมณีโคตรมีมากกว่าแสนชนิด ซึ่งมีรูปลักษณ์ไม่เหมือนกัน
พลังพลานุภาพแห่งความศักดิ์สิทธิ์โดยประมวลจาก ผลมณีโคตรมีมากมายมหาศาล เช่น
เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ คงกระพัน เสริมสติปัญญาแคล้วคลาดป้องกันภูตผีปิศาจ มหาอำนาจทำลายพิษร้ายนานาชนิด กันปืนอยู่ยงคงกระพัน ทำลายล้างศัตรูปราบศัตรู กำบังกาย ป้องกันอันตรายเด็ดขาด เอาตัวรอดยามคับขัน อายุยืน มหาลาภ เป็นที่ศรัทธาของผู้พบเห็น ป้องกันคุณไสยคุณคนไม่มาพ้องพาล เพิ่มผลความอุดมสมบูรณ์มหาลาภมหานิยม มีอำนาจกว่าใครๆ ศัตรูกลัวเกรงรอดพ้นจากการถูกทำร้าย คงกระพันชาตรี มีพลังดุจช้างสาร พูดจาดีมีผู้ยอมรับนับถือศรัทธา ศัตรูเกรงกลัวพ่ายแพ้ภัย แม้ศัตรูมีก็ทำอันตรายไม่ได้ ปลอดภัยจากโรคภัยต่างๆ สุขภาพดีตลอดอายุขัย จะมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดเป็นเยี่ยม
สรุปรวมเมื่อผลของมณีโคตรมีรวมกันก็บังเกิดความเข้มขลังเลิศทุกด้าน เพราะฉนั้นผู้ที่ได้ทราบข่าวนี้แล้วไม่ควรพลาดโอกาสที่จะเป็นเจ้าของ กรุมหาสมบัติมณีโคตรพันเจ็ดร้อยล้านปี ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบเดิมคือเป็นผลนานาชนิดหลายขนาด หรือแปลสภาพการจากผลไม้มณีโคตรซึ่งเป็นหินมาเป็นผงหินมณีโคตร และเป็นตระกูลพระเครื่องโด่งดังในยุคที่พวกเรากำลังยึดมั่นศาสนาเป็นสรณะ ก็ควรที่จะสักการบูชาไว้เพื่อเป็นสิริมหามงคลแก่ตนเองและครอบครัว
หมายเหตุ ที่มาและความเป็นมารวมถึงสรรพคุณ กระผมได้เขียนขึ้นเพื่อเป็นแนวทางแห่งการศึกษาเพื่อให้ทราบถึงความเป็นมาทุกอย่างต้องมีที่มาที่ไปมีบันทึกเป็นรายลักษณ์อักษร สรรพคุณต่างๆที่ได้กล่าวมามีมาแต่โบราณกาล ทั้งนี้มิได้จะอวดอ้างสรรพคุณเพียงแต่เป็นการอธิบายให้ทราบถึงวิธีการใช้ จงเชื่อ อย่างสนิทใจ ห้ามงมงาย แล้วปาฏิหารจะบังเกิด
รับประกันธรรมชาติ 100% ครับ