พระสมเด็จกรุวัดขุนอินทประมูล : แผนสกัดดาวรุ่ง
ปั่นป่วนกันพอสมควร เมื่องานประกวดพระครั้งล่าสุดที่รับรองโดยสมาคมพระเครื่องมีการถอนรายการรับรอง (Certification) พระพิมพ์สมเด็จชุด วัดขุนอินทประมูลออก โดยอ้างว่าสมาคมพระเครื่องไม่สามารถรับรองได้หรือที่เรียกกันว่าออก “ใบเซอร์” ได้
จากนั้นก็มีการลงข่าวกันอย่างครึกโครมในหนังสือพิมพ์รายวันชื่อสั้น ๆ ๓ พยางค์ โดยมีการสัมภาษณ์เจ้าอาวาสวัด และผู้ชำนาญการพระเนื้อผงตามที่ต่าง ๆ ผู้อ่านที่สนใจสามารถอ่านข่าวได้ตามหน้าหนังสือพิมพ์ดังกล่าว และหนังสือพิมพ์รายวันฉบับหัวเขียวก็เล่นข่าวนี้ด้วย
หรือจะดูตามอินเตอร์เน็ตก็ได้ แต่ค้นหา (Search) คำว่า “พระสมเด็จกรุวัดขุนอินทประมูล” ในกูเกิ้ลก็จะได้ข้อมูลมากมาย
ผู้ทำเว็บขอวิจารณ์ในฐานะคนนอก ที่ไม่ใช่นอกเวทีอย่างเดียว ต้องเรียกว่าอยู่นอกสนามแบบข้างถนนเลยทีเดียวว่าเป็น
แผนสกัดดาวรุ่ง
หรือจะเรียกให้เป็นธุรกิจว่า
เมื่อไม่มีผลประโยชน์ จะรับรองไปทำไม
เข้าทำนองว่า
เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง ทำไมต้องเอากระดูกมาแขวนคอ
แผนสกัดดาวรุ่ง
พระสมเด็จกรุวัดขุนอินทประมูลเป็นวัดที่มีสปอนเซอร์ คือมีนายทุนหนุนหลังในการโปรโมท และทำกันเป็นเรื่องเป็นราว ทั้งเปิดเว็บไซต์ และโฆษณาลงหนังสือพระเครื่องและหนังสือพิมพ์รายวันฉบับสุดสัปดาห์
การโปรโมท มีแผนเป็นขั้นเป็นตอน ระดับมืออาชีพที่ทุนหนา เหมือนกับการโปรโมทพระเครื่องในยุคปัจจุบัน
แต่ที่ต่างกัน ก็คือ พระสมเด็จกรุวัดขุนอินทประมูลเป็นพระเก่า ประเภทลงกรุ ไม่ใช่พระใหม่ที่ออกแบบและสร้างโดยโรงงานจิวเวลรี่ที่ทันสมัย
จะโปรโมทพระกรุที่เก่าเป็นร้อยปีไม่ใช่ง่าย
ประการแรก คุณจะต้องมีพระจำนวนมากพอสมควรในมือ คนเดียวก็ทำไม่ได้ ต้องเป็นกลุ่มของคนขายพระที่มีเครือข่าย (network) ที่กว้างไกลพอสมควรเพื่อให้มียอดขายในมือและกระจายรายได้
ประการที่สอง คุณต้องมีพรีเซนเตอร์ (Presenter) คือผู้ออกโรงสนับสนุน ในกรณีนี้ก็คือสถาปนิกใหญ่นั่นเอง
ประการที่สาม คุณต้องมีเงินทุนพอสมควร ไม่ต่างอะไรกับการสร้างพระใหม่ จำนวนพระต้องมีเยอะ ยอดขายจากการตั้งราคาพระเป็นหมื่นตั้งแต่ต้น ก็ต้องคาดว่าจะปั่นราคาให้ถึงระดับไหน แบบว่าต้องไปไกลขนาดน้อง ๆ บางขุนพรหม ๐๙ คือต้องทะลุหลักแสนสำหรับองค์สวย ๆ
ยอดขายสูง เงินทุนที่จะช่วยกันลงขันก็สูงตาม
ประการที่สี่ คุณต้องมีการประกันว่าเป็นพระในกรุจากวัดจริง ผู้ที่จะยืนยันที่ดีที่สุดก็คือตัวเจ้าอาวาส ซึ่งในกรณีนี้ท่านได้ทำหน้าที่แล้ว ในการรับรองว่าเป็นพระจากกรุในวัดจริง ไม่ใช่พระยัดกรุ
เมื่อมีทุกอย่างครบ กลไกการตลาดก็เริ่มทำงาน คนเริ่มถามถึงและถามหา ราคาพระก็วิ่งสูงขึ้น ๆ จากพิมพ์พระประธานที่เคยลงขายพร้อมราคา ก็กลายเป็นให้เบอร์โทรเพื่อจะเลือกตั้งราคาได้ตามใจชอบ
ขาใหญ่ที่อยู่หลังสมาคมเริ่มไม่แฮปปี้
แผนสกัดดาวรุ่งจึงเกิดขึ้น สมาคมอยู่ในมือก็ใช้เสีย หาเหตุผลต่าง ๆ นานาที่จะไม่ออกใบรับรอง บางเหตุผลจากเซียนผู้ชำนาญพระสมเด็จบางคนก็ใช้ไม่ได้ เพราะเห็นได้ชัดว่ามีอคติ และไม่ได้วิจารณ์ตามวิชาการ ค่อนข้างจะข้าง ๆ คูๆ เสียด้วยซ้ำ
เบื้องหน้าเบื้องหลัง
ก่อนอื่นต้องออกตัวว่า ผู้ทำไม่ได้อยู่ในวงการและไม่ได้รู้ข้อมูลลึก ๆ กว่าที่จะหาอ่านตามหน้าหนังสือพิมพ์หรืออินเตอร์เน็ตได้
เป็นการวิเคราะห์และคาดคะเนตามสไตล์ นักสืบปฏิบัติการล่าความจริง แบบคนนอกที่ไม่รู้เรื่องจริงและ
ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ กับพระชุดนี้
พระพิมพ์พระประธานฐานขาโต๊ะราคาทุนหลักร้อยที่เคยได้มาหลายองค์ ก็แลกพระกับพรรคพวก เหลืออยู่แค่ที่เคยโชว์ท่านในเว็บนี้เท่านั้น
ผู้ทำจึงขอวิเคราะห์เบื้องหลังความขัดแย้งแบบคนนอกดังนี้
๑. เมื่อไม่มีผลประโยชน์จะรับรองไปทำไม
ก็เพราะเป็นพระกรุพระเก่านะสิ ลองเป็นพระใหม่ที่ลอกแบบได้ป่านนี้ท่านคงเห็นวัดอื่นหรือที่อื่นสร้างตามกันเป็นแถวแล้ว
แบบเดียวกับจตุคามรามเทพ
ใครใคร่สร้างก็สร้าง คนทำพิธีก็มีหลายคนทั้งพระทั้งคนทรง สถานที่ก็เปิดกว้างทั้งที่วัดและที่ศาลหลักเมือง ทางราชการก็สนับสนุนแบบให้เป็นสินค้าโอทอปประจำจังหวัดทีเดียว
เมื่อเป็นพระกรุเก่า ก็สร้างใหม่ไม่ได้
แล้วจะเซอร์ไปทำไม ไม่ได้อะไร
เข้าทำนอง เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอ
ขอยกตัวอย่างพระเครื่องที่สร้างจากวัดดังย่านเสาชิงช้าให้ฟัง ความจริงเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าพระเครื่องในยุคปัจจุบันไม่ได้สร้างโดยวัด และไม่ได้สร้างที่วัดแบบสมัยก่อน
ทุกอย่างมีสปอนเซอร์อย่างที่เล่าให้ฟังมาแล้ว มีนายทุนลงทุนสร้างให้ ไม่ได้ใช้เงินวัด เพราะวัดไม่มีสตางค์ และการใช้เงินวัดต้องผ่านกรรมการวัดและมีกฎหมายดูแล ในเมื่อวัดไม่ได้เป็นคนลงทุน ก็เป็นผู้รับผลประโยชน์ในฐานะเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า (Trademark) และความเชื่อถือ (Goodwill) เท่านั้น
นายทุนที่สร้างให้วัดแถวเสาชิงช้าก็เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีความสามารถเป็นมือโปรในการสร้างและมีผลงานโปรโมทพระเครื่องให้วัดดัง ๆในกรุงเทพมาเยอะแล้ว คอลัมนิสต์พระเครื่องในหนังสือพิมพ์รายวันฉบับหัวเขียวก็เคยทำงานร่วมกันมา แต่เกิดขัดผลประโยชน์บางอย่าง ไม่ได้อย่างที่เคยได้ หรือผลประโยชน์ตกลงกันไม่ได้
แผนสกัดดาวรุ่งก็เกิดขึ้น จุดชนวนติดตรงที่จี้จุดอ่อนของพระชุดนี้ที่ต้องปลุกเสกสองแผ่นดิน เพราะร่วมงานกันมา รู้ข้อมูลและรู้ไส้รู้พุงกันดี เลยออกข่าวเรื่องหนีภาษีและยัดข้อหาหลอกลวงประชาชน พอเป็นข่าวก็เกิดกระแสลบต่อพระที่สร้าง ลามกันมาเป็นคดีความอาญาที่พระสงฆ์องค์เจ้าระดับพระราชาคณะอาจจะต้องติดคุกเอา ดีที่คดีสิ้นสุดลงแล้ว แต่เจ้าอาวาสก็ต้องรับวิบากกรรมไปจากปัญหาโรคร้ายต่อสุขภาพ
จตุคามรามเทพ ใครก็สร้างได้ ผลประโยชน์แบ่งกันทั่วถึง การประกวดหรือการรับรองจึงเกิดขึ้น
พระกรุวัดขุนอินทประมูล อยู่ในมือคนกลุ่มเดียว และไม่ใช่คนในแวดวงสมาคมด้วย
จะออกใบเซอร์ไปทำไม ไม่ได้อะไร
๒. สมาคมพระเครื่องมี ๒ สมาคม
ท่านผู้อ่านทราบไหมว่าสมาคมที่พูดกันทุกวันนี้เป็นสมาคมพระเครื่องที่มาทีหลัง
สมาคมเก่ามีมาเป็นสิบปีก่อนหน้านั้น มีนายกสมาคมเพียง ๒ คน ก็เพราะกฎระเบียบมีช่องโหว่ทำให้ไม่มีการประชุม ไม่มีกิจกรรมต่อเนื่อง
รู้ไหมว่าใครเป็นนายกสมาคมเก่าคนที่สอง ปัจจุบันยังเป็นอยู่ ซึ่งก็เป็นนายกสมาคมมาหลายปีแล้ว
สถาปนิกคนดังนั่นเอง
สมัยตั้งสมาคมที่สอง ผู้ที่อยู่เบื้องหลังต้องใช้กำลังภายในผ่านผู้หลักผู้ใหญ่ในกระทรวงพอสมควร จึงได้รับการอนุญาตให้จดทะเบียนได้ ทั้ง ๆ ที่มีผู้คัดค้านว่าสมาคมเดิมก็มีอยู่แล้ว ไม่ active ก็ทำให้ active ก็ได้ แรก ๆ ก็จะไม่ยอมให้จด จนต้องมีการเจรจาจึงจดทะเบียนได้
สมาคมใหม่ก็มีช่องโหว่เช่นกัน ท่านผู้อ่านคอยดูเถิด ไม่ว่าเลือกตั้งกี่ครั้ง ๆ ก็ตาม นายกสมาคม และอุปนายกคนที่หนึ่งก็จะเป็นคนเดียวกันตลอด ไม่เหมือนสมาคมวิชาชีพที่ดี ที่มีกฎห้ามเป็นนายกติดต่อกันเกิน ๒ สมัย เพื่อไม่ให้เกิดการผูกขาดอำนาจ
แบบเดียวกับสมัยก่อน ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ที่ผู้ยิ่งใหญ่ในราชการมีสองจอมพลคนดังผลัดกันเป็นผู้นำ สมาคมพระเครื่องใหม่ก็เช่นกัน ลองนายกปัจจุบันเป็นจนเบื่อ อุปนายกคนที่หนึ่งก็จะขึ้นมาแทน ไม่ปล่อยให้บังเหียนเปลี่ยนมือแน่นอน
เพราะสมาคมพระเครื่องก็คือ เรื่องของผลประโยชน์ อย่าไปหาอะไรที่เป็นเรื่องเป็นราว หรือเป็นวิชาการให้เสียเวลา เพราะเป็นแค่ผักชีโรยหน้าปกปิดผลประโยชน์จากความเป็นตรายางประทับรับรองพระแท้ในกลุ่มตัวเอง เพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มตัวเองเท่านั้น กลุ่มอื่นคนอื่นเข้ามาไม่ได้
เมื่อต่างกลุ่มเข้ามาในพื้นที่ตัวเอง โดยเฉพาะจากกลุ่มสมาคมเดิมที่มีสถาปนิกคนดังที่ดวงตำต่ำจากคดีความ
เรื่องอะไรจะ “ทำเขารวย ช่วยเขาวิ่ง”
แล้วกลุ่มตัวเองไม่ได้อะไร
ยิ่งมีความขัดแย้งลึก ๆ จากกรณีสมาคมเก่ากีดกันสมาคมใหม่ กลุ่มศูนย์พระริมแม่น้ำเจ้าพระยา ขัดกับศูนย์ในห้าง ดีที่ต่อมาตกลงผลประโยชน์ได้จึงรอมชอมกันบ้าง ไม่เช่นนั้นท่านอาจจะเห็นตัวอย่างแบบงานประกวดพระที่มหาวิทยาลัยเหลืองแดงไม่รับพระสมเด็จองค์ฮ่องกงอย่างไม่ไว้หน้ากันมาแล้ว ก่อนที่จะมีการเจรจาหลังฉาก รอมชอม หรือภาษาจีนที่เรียกว่า “เกี้ยเซี้ย” กันได้
ทุกวันนี้ศูนย์พระที่ไม่อยู่ในกลุ่มสมาคมเริ่มมีการรวมตัวกันบ้าง กลุ่มที่เล่นหาพระสมเด็จพิมพ์แปลก ๆ เนื้อแปลก ๆ ก็ไปประกวดที่ศูนย์การค้าถิ่นตัวเอง ศูนย์อื่นก็มีข่าวจะตั้งสมาคมขึ้นมาบ้าง เพียงแต่ตอนนี้ใช้ชื่อชมรมก่อน ถ้ายังไม่มีการรุกรานจากกลุ่มสมาคมมากกว่านี้ ก็ยังพออยู่กันได้ เพราะกลุ่มชมรมนี้ไปหากินจากอินเตอร์เน็ตมากกว่า ผู้อยู่เบื้องหลังมีพื้นฐานเทคโนโลยีมากกว่าของสมาคม และการค้าขายพระเครื่องทางอินเตอร์เน็ตก็ยังเป็นตลาดที่จะโตอีกเยอะ รอให้พวกนี้ตั้งตัวได้ก็คงจะมีอำนาจต่อรองมากขึ้น หรือถ้าคุยกันไม่ได้ ก็อาจตั้งสมาคม ตั้งตรายางสำหรับพวกตัวเองบ้าง
กลุ่มโปรโมทพระกรุวัดขุนอินทประมูลก็ยังมีศักยภาพในการตอบโต้ ดีไม่ดีถ้าสามารถรวบรวมกำลังเงินได้ ท่านอาจเห็นมาตรการตอบโต้จากกลุ่มนี้
ไม่ว่าจะเป็นการออกใบเซอร์ของกลุ่มตนเอง หรือไปไกลขนาดปลุกผีสมาคมแรกมาเป็นคู่แข่งในความเป็นตัวแทนของธุรกิจนี้
สรุป
เรื่องการไม่รับรองพระกรุวัดขุนอินทประมูลของสมาคมพระเครื่องไม่จบแค่นี้หรอกครับ ผู้ทำคาดว่าท่านคงจะได้เห็นการตอบโต้จากกลุ่มวัดขุนอินท์แน่นอน ถ้าไม่ใช่โดยตรงจากกรณีพระกรุนี้ก็อาจเป็นการเปิดแนวรบใหม่
และถ้ากลุ่มนี้มีนายทุนและแนวร่วมก็อาจขยายแนวรบให้มีผลถึงความเป็นตัวแทนธุรกิจพระเครื่อง ท่านอาจเห็นสมาคมพระเครื่องแห่งแรกออกโรงกลับมามีบทบาทใหม่ก็ได้
ขอให้มีอะไรกระตุ้นสักนิดแบบที่เรียกว่า Catalyst ปฏิกิริยาเคมีก็จะเกิดขึ้น
ดังนั้น การที่สมาคมไม่รับรองพระสมเด็จกรุวัดขุนอินทประมูล จึงเป็นเรื่องของผลประโยชน์ของคนไม่ใช่เรื่องความแท้ไม่แท้ของพระ ถ้าท่านพอจะจำได้ ผู้ทำได้สรุปพระกรุนี้ไว้ดังนี้
พระสมเด็จกรุวัดขุนอินทประมูลเป็นพระแท้
ผู้สร้างไม่ใช่สมเด็จโต ข้อมูลใหม่ที่ผู้ทำได้มาคือ พิมพ์ทรงเป็นแบบของหลวงปู่อยู่ วัดดักคะนน แต่ท่านปลุกเสกหรือเปล่า ทันท่านหรือไม่ ยังไม่แน่ชั
ผมคนพื้นที่แปลกใจครับพระกรุนี้เซียนอ่างทองไม่มีใครสนใจเก็บ เห็นมีแต่ขายออกอย่างเดียว
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
ช่วยๆกันมอง หลายๆมุม
แล้วตัดสินใจเอง
นานาจิตตัง ครับ
เห็นบางคนว่าคนพื้นที่ไม่รู้เรื่อง เพราะพระกระเด็นออกไปนอกพื้นที่หมดแล้ว...
ผมจะบอกให้ครับเซียนอ่างทองเขารู้ไส้รู้พุงกันหมดละครับเขาถึงไม่เล่นกัน เขารู้ไส้รู้พุงกันทั้งพระทั้งฆาราวาส หลวงตาอะไรนั้นผมก็รู้จักดี
แม้แต่ไอ้คนทำปลอมที่อยู่โพธิ์ทองเห็นว่าเป็นเปลี้ยเป็นง่อยไปแล้ว บาปกรรมมีจริงครับ
ผมเห็นมีสมาชิกท่านหนึ่ง ขายอยู่ในเว็บดีดี หลายร้อยองค์แล้ว
ลงขายทุกวัน วันละห้าถึงสิบองค์
สงสัยเป็นเจ้าของกรุ
YOU MUST BE LOGGED IN TO REPLY TO THIS TOPIC!