พระประคำรอบ กรุวัดพระรูป จ.สุพรรณบุรี(พระชุดกิมตึ๋ง กรุวัดพระรูป)

ประกาศขาย

 พระชุดกิมตึ๋ง จัดเป็นพระชุดจตุภาคี ซึ่งประกอบด้วย พระมอญแปลง พระสี่กร พระนาคปรก และ พระประคำรอบ รวมสี่องค์เรียกว่า พระชุดกิมตึ๋งชุดเล็ก

เมื่อนำไปรวมกับ พระต้นปัญจภาคีของวัดพระรูป ซึ่งมี พระขุนแผน พระขุนไกร พระพลายงาม พระพันวษา และ พระกุมารทอง รวมเป็น ๙ องค์ เรียกว่า "นวภาคี" หรือเรียกว่า พระชุดกิมตึ๋งชุดใหญ่ การที่จะรวบรวมให้ครบชุดเก้าองค์นั้นยากมาก โดยเฉพาะ พระกุมารทอง หรือ พระยุ่ง หาได้ยากยิ่ง

ด้วยเหตุที่พระชุดกิมตึ๋งมีสี่องค์ เมื่อนำขึ้นคล้องคอจึงสมดุล จึงต้องเพิ่มพระองค์ใดองค์หนึ่งเข้าไปให้เป็นองค์ประธาน ส่วนใหญ่แล้วคนจะนึกถึง พระขุนแผนไข่ผ่าซีก เพราะเป็นพระที่มีขนาดกำลังพอดีในการเป็นพระองค์ประธาน และถ่วงให้สมดุลในการห้อยคอ

ความจริงพระชุดกิมตึ๋งมิใช่ชื่อดั้งเดิม แต่เป็นชื่อที่ตั้งใหม่ ชื่อเก่าเรียกว่า พระชุดพลายชุมพล เพราะต้นกำเนิดอยู่ที่ วัดพลายชุมพล ซึ่งเป็นวัดร้างอยู่บริเวณเดียวกับ วัดพระรูป ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เล็กน้อย ในเขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี (เดิมขึ้นอยู่กับตำบลรั้วใหญ่) จ.สุพรรณบุรี

ส่วนที่มาของชื่อ พระชุดกิมตึ๋ง ก็คือในราวสมัยรัชกาลที่ ๓ ช่วงนั้นมีผู้นิยมสั่งโต๊ะหมู่บูชามา จากเมืองจีนเป็นจำนวนมาก และมีอยู่ชุดหนึ่งงามเด่นเป็นที่เลื่องลือกันมาก โดยเศรษฐีผู้นำเข้าโต๊ะหมู่บูชาชุดนี้ ได้ตั้งชื่อว่า ชุดกิมตึ๋ง เพราะความงามของโต๊ะหมู่บูชาชุดนั่นเอง จึงมีชื่อเสียงไปทั่วทิศ และพูดกันติดปากอยู่เสมอทั้งในหมู่ผู้เล่นโต๊ะบูชา

ในสมัยเดียวกันนั้นก็มีเศรษฐีผู้หนึ่งได้สั่งชุดถ้วยชามาจากเมืองจีนมาจำหน่ายในเมืองไทยในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ถ้วยชาที่ส่งมานั้นใต้ก้นถ้วยประทับตราว่า "กิมตึ๋ง-ฮกกี่" แปลว่า เครื่องหมายอันวิเศษอย่างยิ่ง

ถ้วยชุดนี้มี ๔ ใบ เท่ากับ พระชุดวัดพลายชุมพล ซึ่งมีอยู่ ๔ องค์

ในสมัยนั้นพระชุดวัดพลายชุมพลมีชื่อเสียงมาก บรรดาเซียนพระรุ่นเก่าจึงตั้งชื่อ พระวัดพลายชุมพล ว่า ชุดกิมตึ๋ง เพราะมีความหมายว่า วิเศษ อยู่ด้วย

พูดถึงความงามของพระชุดกิมตึ๋งแล้ว หาได้มีความงามเทียบเท่ากับโต๊ะหมู่บูชา หรือถ้วยชาชุดกิมตึ๋งนั้นไม่ แต่กลับตรงกันข้าม พระชุดกิมตึ๋ง เป็นพระที่ไม่มีความสวยงามเลย พิมพ์ตื้นๆ แต่มากด้วยอิทธิฤทธิ์และอภินิหาร เซียนพระยุคเก่าจึงเอาพุทธคุณขององค์พระมาเป็นที่ตั้งชื่อว่า ชุดกิมตึ๋ง

กล่าวกันว่า ในสมัยนั้น คนมี พระสมเด็จ วัดระฆัง เอาไปแลก พระชุดกิมตึ๋ง ก็ไม่มีคนเอาด้วย เพราะชาวสุพรรณเชื่อในด้านพุทธคุณของ พระชุดกิมตึ๋ง มากกว่า

แต่ในปัจจุบัน หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะพระสมเด็จมีราคามากมายกว่าหลายเท่า

เหตุผลของคนสมัยก่อนยกย่องพระชุดกิมตึ๋งมาก ก็เพราะว่า พระชุดกิมตึ๋งขึ้นชื่อลือลั่นในด้านคงกระพันชาตรี และความเชื่อถือนี้มีมานานไม่น้อยกว่า ๘๐ ปีแล้ว

ในสมัยนั้น พระชุดวัดพลายชุมพล หรือชุดกิมตึ๋ง ทิ้งอยู่บริเวณวัดอย่างเกลื่อนกลาด เพราะคนโบราณถือคติ ไม่นำพระของวัดติดตัวเข้าบ้าน นักเลงสมัยเก่าเวลาออกไปไหนก็จะหยิบพระชุดกิมตึ๋งพกติดตัวกันทุกคน

ในขณะที่บางคนจะเอาพระอมไว้ในปากก็มี เพราะในสมัยนั้นนิยมใช้มีดใช้ไม้ตีกันเป็นส่วนใหญ่ เวลามีการปะทะกันจะสู้กันด้วยคาถาอาคมและพระเครื่อง และคนที่พกพระชุดกิมตึ๋งไปปรากฏว่าหนังเหนียว อยู่ยงคงกระพัน พูดง่ายๆ ว่า

"ถ้าพกพระชุดกิมตึ๋งแล้วศัตรูจะไม่ได้เห็นเลือดฝ่ายตรงข้ามอย่างเด็ดขาด"

ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้พระชุดกิมตึ๋งมีชื่อเสียงเลืองลื่อไปทั่ว เพราะความนิยมของนักเลงในสมัยนั้น จะอย่างไรก็ดี คนในสมัยโบราณนั้นถ้ากลับจากไปทำธุระก็จะเอาพระกลับมาไว้ที่วัดเช่นเดิม เพราะถือคติว่า พระจะต้องอยู่วัด ไม่ใช่อยู่บ้าน

ในเวลาต่อมา พระที่เคยอยู่อย่างเกลื่อนกลาดในบริเวณวัดก็ค่อยๆ หายไป พร้อมกับคติการไม่นำพระเข้าบ้านก็ค่อยๆ หายไปด้วยเช่นกัน

พระชุดกิมตึ๋ง เป็นพระศิลปะสมัยอู่ทอง พระแต่ละองค์ศิลปะองค์พระปฏิมากร และลำพระองค์ค่อนข้างสูงชะลูด อันบ่งบอกถึงศิลปะสมัยอู่ทอง ที่มีอายุในราว ๖๐๐-๗๐๐ ปี

พระชุดกิมตึ๋งเป็นพระเนื้อดินเผา ในบางองค์นูน บางองค์ต่ำ พิมพ์เลือน และตื้นมาก แต่จะมีบางองค์ที่คมชัดซึ่งจะหาชมได้ยากยิ่ง ในขบวนพระใน จ.สุพรรณด้วยกัน พระชุดกิมตึ๋งจะสู้พระกรุอื่นๆ ของจ.สุพรรณบุรีไม่ได้เลย เพราะพระชุดกิมตึ๋งจะมีขนาดไม่เท่ากัน

พระชุดกิมตึ๋งเป็นพระเนื้อดินเผา มีทั้งหยาบและละเอียด ชนิดเนื้อหยาบจะมีเม็ดทรายมาก และเม็ดค่อนข้างใหญ่ เวลาจับแล้วรู้สึกว่าสากมือ พระทุกองค์เนื้อจะแห้งผากและแกร่ง ส่วนเนื้อละเอียดก็จะมีเม็ดทรายน้อยกว่า แต่องค์พระก็เนื้อแห้งผากเช่นกัน เนื่องจากอายุการสร้างหลายร้อยปีเท่ากัน ทำให้พระชุดกิมตึ๋งมีความแห้งเท่าๆ กันระหว่างเนื้อหยาบกับเนื้อละเอียด

พระชุดกิมตึ๋ง แม้จะขาดความสวยงามไปบ้าง แต่ในด้านพุทธคุณ เชื่อถือกันมาตั้งแต่โบราณ ไม่ว่าจะเป็นแคล้วคลาดจากอันตรายและเมตตามหานิยม

หรือจะเรียกได้ว่า พุทธคุณเหนือกว่าความงามขององค์พระอย่างแน่นอน หากท่านมีไว้ใช้ ไม่มุ่งความสวยงาม ล่ะก็ ดีเป็นแน่