พระผงสมเด็จโต พรหมรังสี วัดระฆังโฆษิตาราม รุ่นสร้างอุโบสถ รุ่นเดียวกันกับของผู้ที่รอดชีวิตในเหตุการณ์รถตู้ไฟไหม้มีผู้เสียชีวิตเกือบทั้งหมด สร้างปี 2539-40 ปีกาญจนาภิเษก ขนาดเท่าพระสมเด็จมาตรฐาน ด้านหน้ารูปเหมือนสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี วัดระฆังโฆษิตาราม ด้านหลังตรากาญจนภิเษก เส้นสายคมชัดเป็นของที่สร้างพร้อมกันในปี 2539 - 40
...วัตถุมงคลช่วยชีวิตรอดปาฏิหาริย์ชายวัย20หนึ่งเดียวในรถตู้ห้อยติดคอ
พระสมเด็จโตรุ่นสร้างอุโบสถวัดอัมพุฯ
เชื่อเพราะตนมีสติขอบารมีให้คุ้มครอง
ผู้สื่อข่าวคัมภีร์นิวส์ รายงานว่า ขณะนี้ได้มีกระแสฮือฮาในหมู่นักสะสมวัตถุมงคล"พระสมเด็จโต" ที่ช่วยชีวิตหนุ่มรายหนึ่งให้รอดตายราวปาฏิหาริย์จากอุบัติเหตุ รถตู้ชนกับรถกระบะและไฟไหม้ มีผู้เสียชีวิตหลายราย ถึง 25 ศพ ซึ่งในคอห้อยพระสมเด็จโตเพียงองค์เดียว ต่อมาได้มีเสียงพูดถึงว่าพระสมเด็จโตรุ่นนี้สร้างที่วัดไหนกันแน่ ผู้รู้ได้ชี้ชัดว่าเป็นพระสมเด็จโต พรหมรังสี รุ่นสร้างอุโบสถ ของวัดอัมพุวราราม วัดดังในเมืองปทุมธานี สถานที่ประดิษฐาน พระสมเด็จเกศทะลุซุ้ม เนื่อโลหะน้ำหนัก 8 ตัน องค์แรกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปมีคนไปถามหาบูชาที่วัดอัมพุวราราม จำนวนมาก
สำหรับวัตถุมงคลของวัดอัมพุวรารามมีการจัดสร้างขึ้นหลายรุ่นหลายปีเพื่อนำรายได้เป็นทุนบูรณะพัฒนาวัด ซึ่งหลายรุ่นได้รับความนิยมและมีประสบการณ์มากมาย
ล่าสุดจากกรณีการเกิดอุบัติเหตุรถตู้ชนกับรถกระบะที่ถนนสาย 344 (บ้านบึง-แกลง) หมู่ 1 ต.หนองชาก อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 25 คนเป็นชาย 9 คน หญิง 16 คน โดยมีผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวคือ นายธงชัย ตั้งวงษ์กุทธิกุล อายุ 20 ปี ซึ่งในตัวเขาแขวนพระสมเด็จโต พรหมรังสี รุ่นสร้างอุโบสถ และเชื่อว่าเป็นเพราะความมีสติรวมทั้งบารมีของสมเด็จโตช่วยคุ้มครองให้รอดชีวิต
สำหรับพระสมเด็จโตดังกล่าวเป็นหนึ่งในพระชุด 9 พระเถราจารย์ มงคลนาม ปี 2540 สร้างโดยวัดอัมพุวราราม ตำบลบ้านงิ้ว อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เพื่อนำปัจจัยสมทบทุนโครงการสร้างอุโบสถ กาญจนาภิเษก เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี พุทธศักราช 2539 โดยพระชุด ๙ พระเถราจารย์ มงคลนาม ประกอบด้วย หลวงพ่อโต หลวงพ่อเงิน หลวงพ่อทอง หลวงปู่มั่น หลวงพ่อคง หลวงพ่อเจริญ หลวงปู่ศุข หลวงพ่อสด หลวงพ่อชื่น มี 2 ชุด คือ ชุดพิมพ์ปิดตา และชุดพิมพ์หลังเตารีด โดยได้รวบรวมชนวนผงมวลสาร ในการนี้ ได้รับความเมตตาจากท่านพระครูวิมลธรรมธาดา (สวง ยุตตธัมโม) เจ้าคณะ ๒ เจ้าคณะแขวงศิริราช ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ ถวายผงมวลสารเก่าของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) และยังมี ผงธุป ผงเกษร และน้ำมนต์ 108 วัดที่ได้รวบรวมมานานหลายปีฯ ทำบุญกันเพียงชุดละ 100 บาทเท่านั้น และมีบัตร ส.ค.ส. ให้ด้วย
พิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2539 ช่วงนั้นเกิดน้ำท่วมทางเข้าวัด จากปากซอยมีความยาวประมาณ 1 ก.ม. ปริ่มน้ำมาก ต้องนำหินลูกรังมาเสริมถนนเข้าวัดให้สูงขึ้น แต่ยังเปียกแฉะชุ่มน้ำ ด้วยความเมตตาอย่างสูง ของสมเด็จ พระพุฒาจารย์ (เกี่ยว) วัดสระเกศ ท่านเดินจากปากเข้าวัด เดินย่ำถนนที่เปียกแฉะชุ่ม เข้าวัดอัมพุวรารามเพื่อมาประกอบพิธีจุดเทียนชัย และได้รับความเมตตาจากสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำมาดับเทียนให้อโดยมีพระมหาเถระ พระเถระ ครูบาอาจารย์ จำนวนมากทั้งในเขตปทุมธานี และจังหวัดต่างๆมาร่วมนั่งปรกอธิษฐานเจริญจิต
วัดอัมพุวราราม จังหวัดปทุมธานี จัดเป็นวัดที่มีพระอุโยสถสวยงามมากวัดหนึ่ง ด้วยการออกแบบรูปทรงที่สง่างาม ผสมผสานศิลปะปูนปั้นช่างสกุลเพชรบุรีที่ขึ้นชื่อ และลวยลายไทยภาคกลาง พระประธานเป็นพระพุทธชินราชจำลองยิ่งทำให้พระอุโบสถดูอลังการมากขึ้น นอกจากนี้ภายในวัดยังมีศิลปะสถาปัตยกรรม และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่น่าสนใจอื่นๆอีก ทั้งพระพุทธรูปปางลีลาหลังพระอุโบสถ ที่หันหน้าออกสู่ลำน้ำเจ้าพระยา รวมทั้งพระสมเด็จวัดระฆังองค์ใหญ่หนักกว่า ๕ ตัน ประวัติวัดอัมพุวราราม ต.บ้านงิ้ว อ.สามโคก จ.ปทุมธานี สร้างขึ้นในสมัย สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ เป็นวัดของทหารชาวรามัญที่มาช่วยรบในสมัยสงคราม ๙ ทัพ เมื่อชนะศัตรูแล้วโปรดให้มาดูแลพระนครด้านทิศเหนือ กลุ่มใหญ่ อีกกลุ่มไปอยู่ที่นครเขื่อนขันธ์ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ชาวรามัญจึงได้สร้างวัดขึ้น พร้อมกับอีกหลายๆวัด ในเขตจังหวัดนนทบุรี,ปทุมธานี อำเภอสามโคก เมื่อครั้งรัชกาลที่ ๒ ได้เสด็จประภาส เมืองสามโคก ชาวรามัญชาวเมืองได้มีโอกาสเฝ้ารับเสด็จ แล้วทูลเกล้าฯ ถวายดอกบัวเป็นจำนวมมาก วัดเริ่มพัฒนาเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๘ สมัยพระครูวิสุทธิกัลยาณคุณ หรือหลวงพ่อเสริม สุกฺกธมฺโม ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ท่านได้สร้างอุโบสถเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี ด้วยงบประมาณ ๕๐ ล้านบาท แต่ยังไม่ทันแล้วเสร็จ ท่านก็ละสังขารไปก่อน มรดกธรรมชิ้นนี้ถูกสานต่อโดย พระครูปลัดสมชาย กิตติสาโร เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดที่ชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธา มักมาบนบานศาลกล่าวขอพรให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ชีวิตครอบครัว และโชคลาภสมหวังไปทุกราย นั่นก็คือ "พระพุทธรูปหลวงพ่อโต" ขนาดหน้าตัก ๔๙ นิ้ว ปางมารวิชัย ประดิษฐานภายในวิหารหลังเล็ก หลวงพ่อพระพุทธชินราชจำลอง ขนาดหน้าตัก ๑๐๙ นิ้ว ประดิษฐานบนอุโบสถเฉลิมพระเกียรติชั้นบน รูปเหมือนเจ้าประคุณสมเด็จ พระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สิ่งมีความศักดิ์สิทธิ์ มาก เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๓๗ ได้รับนิมนต์ไปเจริญพระพุทธมนตงานทำบุญวันเกิด โยมทองใบ พรหมลี บางกอกน้อย กรุงเทพฯ ได้นั่งติดกับท่านพระมหาสวง (ภายหลังได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูวิมลธรรมธาดา) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม จากนั้นท่านได้มาเยี่ยมที่วัดอัมพุวราราม มาเดินดูรอบๆวัด แล้วท่านก็ปรารภว่า วัดนี้ เจ้าประคุณสมเด็จ พระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) น่าจะเคยมาพักที่วัดนี้ มีความรู้สึกอย่างนั้น เพราะว่าท่านเดินทาง โดยเฉพาะทางน้ำ บ่อยมาก ขึ้น - ล่อง บางกอก อยุธยา – สระบุรี – อ่างทอง ให้วัดอัมพุวราราม บูชาท่าน และท่องคาถา ชินบัญชร ให้มากๆ วัดจะได้เจริญ ๆ จากนั้นท่านพระมหาสวง ได้ถามอีกอยากจะสร้างอะไรในวัดบ้าง ซึ่งตอนนั้นไกล้ ปี พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งเป็นปีกาญจนาภิเษก จะมีงานฉลอง ในวโรกาศที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครองสิริราชสมบัติ
...วัตถุมงคลช่วยชีวิตรอดปาฏิหาริย์ชายวัย20หนึ่งเดียวในรถตู้ห้อยติดคอ
พระสมเด็จโตรุ่นสร้างอุโบสถวัดอัมพุฯ
เชื่อเพราะตนมีสติขอบารมีให้คุ้มครอง
ผู้สื่อข่าวคัมภีร์นิวส์ รายงานว่า ขณะนี้ได้มีกระแสฮือฮาในหมู่นักสะสมวัตถุมงคล"พระสมเด็จโต" ที่ช่วยชีวิตหนุ่มรายหนึ่งให้รอดตายราวปาฏิหาริย์จากอุบัติเหตุ รถตู้ชนกับรถกระบะและไฟไหม้ มีผู้เสียชีวิตหลายราย ถึง 25 ศพ ซึ่งในคอห้อยพระสมเด็จโตเพียงองค์เดียว ต่อมาได้มีเสียงพูดถึงว่าพระสมเด็จโตรุ่นนี้สร้างที่วัดไหนกันแน่ ผู้รู้ได้ชี้ชัดว่าเป็นพระสมเด็จโต พรหมรังสี รุ่นสร้างอุโบสถ ของวัดอัมพุวราราม วัดดังในเมืองปทุมธานี สถานที่ประดิษฐาน พระสมเด็จเกศทะลุซุ้ม เนื่อโลหะน้ำหนัก 8 ตัน องค์แรกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปมีคนไปถามหาบูชาที่วัดอัมพุวราราม จำนวนมาก
สำหรับวัตถุมงคลของวัดอัมพุวรารามมีการจัดสร้างขึ้นหลายรุ่นหลายปีเพื่อนำรายได้เป็นทุนบูรณะพัฒนาวัด ซึ่งหลายรุ่นได้รับความนิยมและมีประสบการณ์มากมาย
ล่าสุดจากกรณีการเกิดอุบัติเหตุรถตู้ชนกับรถกระบะที่ถนนสาย 344 (บ้านบึง-แกลง) หมู่ 1 ต.หนองชาก อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 25 คนเป็นชาย 9 คน หญิง 16 คน โดยมีผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวคือ นายธงชัย ตั้งวงษ์กุทธิกุล อายุ 20 ปี ซึ่งในตัวเขาแขวนพระสมเด็จโต พรหมรังสี รุ่นสร้างอุโบสถ และเชื่อว่าเป็นเพราะความมีสติรวมทั้งบารมีของสมเด็จโตช่วยคุ้มครองให้รอดชีวิต
สำหรับพระสมเด็จโตดังกล่าวเป็นหนึ่งในพระชุด 9 พระเถราจารย์ มงคลนาม ปี 2540 สร้างโดยวัดอัมพุวราราม ตำบลบ้านงิ้ว อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เพื่อนำปัจจัยสมทบทุนโครงการสร้างอุโบสถ กาญจนาภิเษก เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี พุทธศักราช 2539 โดยพระชุด ๙ พระเถราจารย์ มงคลนาม ประกอบด้วย หลวงพ่อโต หลวงพ่อเงิน หลวงพ่อทอง หลวงปู่มั่น หลวงพ่อคง หลวงพ่อเจริญ หลวงปู่ศุข หลวงพ่อสด หลวงพ่อชื่น มี 2 ชุด คือ ชุดพิมพ์ปิดตา และชุดพิมพ์หลังเตารีด โดยได้รวบรวมชนวนผงมวลสาร ในการนี้ ได้รับความเมตตาจากท่านพระครูวิมลธรรมธาดา (สวง ยุตตธัมโม) เจ้าคณะ ๒ เจ้าคณะแขวงศิริราช ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ ถวายผงมวลสารเก่าของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) และยังมี ผงธุป ผงเกษร และน้ำมนต์ 108 วัดที่ได้รวบรวมมานานหลายปีฯ ทำบุญกันเพียงชุดละ 100 บาทเท่านั้น และมีบัตร ส.ค.ส. ให้ด้วย
พิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2539 ช่วงนั้นเกิดน้ำท่วมทางเข้าวัด จากปากซอยมีความยาวประมาณ 1 ก.ม. ปริ่มน้ำมาก ต้องนำหินลูกรังมาเสริมถนนเข้าวัดให้สูงขึ้น แต่ยังเปียกแฉะชุ่มน้ำ ด้วยความเมตตาอย่างสูง ของสมเด็จ พระพุฒาจารย์ (เกี่ยว) วัดสระเกศ ท่านเดินจากปากเข้าวัด เดินย่ำถนนที่เปียกแฉะชุ่ม เข้าวัดอัมพุวรารามเพื่อมาประกอบพิธีจุดเทียนชัย และได้รับความเมตตาจากสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำมาดับเทียนให้อโดยมีพระมหาเถระ พระเถระ ครูบาอาจารย์ จำนวนมากทั้งในเขตปทุมธานี และจังหวัดต่างๆมาร่วมนั่งปรกอธิษฐานเจริญจิต
วัดอัมพุวราราม จังหวัดปทุมธานี จัดเป็นวัดที่มีพระอุโยสถสวยงามมากวัดหนึ่ง ด้วยการออกแบบรูปทรงที่สง่างาม ผสมผสานศิลปะปูนปั้นช่างสกุลเพชรบุรีที่ขึ้นชื่อ และลวยลายไทยภาคกลาง พระประธานเป็นพระพุทธชินราชจำลองยิ่งทำให้พระอุโบสถดูอลังการมากขึ้น นอกจากนี้ภายในวัดยังมีศิลปะสถาปัตยกรรม และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่น่าสนใจอื่นๆอีก ทั้งพระพุทธรูปปางลีลาหลังพระอุโบสถ ที่หันหน้าออกสู่ลำน้ำเจ้าพระยา รวมทั้งพระสมเด็จวัดระฆังองค์ใหญ่หนักกว่า ๕ ตัน ประวัติวัดอัมพุวราราม ต.บ้านงิ้ว อ.สามโคก จ.ปทุมธานี สร้างขึ้นในสมัย สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ เป็นวัดของทหารชาวรามัญที่มาช่วยรบในสมัยสงคราม ๙ ทัพ เมื่อชนะศัตรูแล้วโปรดให้มาดูแลพระนครด้านทิศเหนือ กลุ่มใหญ่ อีกกลุ่มไปอยู่ที่นครเขื่อนขันธ์ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ชาวรามัญจึงได้สร้างวัดขึ้น พร้อมกับอีกหลายๆวัด ในเขตจังหวัดนนทบุรี,ปทุมธานี อำเภอสามโคก เมื่อครั้งรัชกาลที่ ๒ ได้เสด็จประภาส เมืองสามโคก ชาวรามัญชาวเมืองได้มีโอกาสเฝ้ารับเสด็จ แล้วทูลเกล้าฯ ถวายดอกบัวเป็นจำนวมมาก วัดเริ่มพัฒนาเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๘ สมัยพระครูวิสุทธิกัลยาณคุณ หรือหลวงพ่อเสริม สุกฺกธมฺโม ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ท่านได้สร้างอุโบสถเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี ด้วยงบประมาณ ๕๐ ล้านบาท แต่ยังไม่ทันแล้วเสร็จ ท่านก็ละสังขารไปก่อน มรดกธรรมชิ้นนี้ถูกสานต่อโดย พระครูปลัดสมชาย กิตติสาโร เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดที่ชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธา มักมาบนบานศาลกล่าวขอพรให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ชีวิตครอบครัว และโชคลาภสมหวังไปทุกราย นั่นก็คือ "พระพุทธรูปหลวงพ่อโต" ขนาดหน้าตัก ๔๙ นิ้ว ปางมารวิชัย ประดิษฐานภายในวิหารหลังเล็ก หลวงพ่อพระพุทธชินราชจำลอง ขนาดหน้าตัก ๑๐๙ นิ้ว ประดิษฐานบนอุโบสถเฉลิมพระเกียรติชั้นบน รูปเหมือนเจ้าประคุณสมเด็จ พระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สิ่งมีความศักดิ์สิทธิ์ มาก เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๓๗ ได้รับนิมนต์ไปเจริญพระพุทธมนตงานทำบุญวันเกิด โยมทองใบ พรหมลี บางกอกน้อย กรุงเทพฯ ได้นั่งติดกับท่านพระมหาสวง (ภายหลังได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูวิมลธรรมธาดา) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม จากนั้นท่านได้มาเยี่ยมที่วัดอัมพุวราราม มาเดินดูรอบๆวัด แล้วท่านก็ปรารภว่า วัดนี้ เจ้าประคุณสมเด็จ พระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) น่าจะเคยมาพักที่วัดนี้ มีความรู้สึกอย่างนั้น เพราะว่าท่านเดินทาง โดยเฉพาะทางน้ำ บ่อยมาก ขึ้น - ล่อง บางกอก อยุธยา – สระบุรี – อ่างทอง ให้วัดอัมพุวราราม บูชาท่าน และท่องคาถา ชินบัญชร ให้มากๆ วัดจะได้เจริญ ๆ จากนั้นท่านพระมหาสวง ได้ถามอีกอยากจะสร้างอะไรในวัดบ้าง ซึ่งตอนนั้นไกล้ ปี พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งเป็นปีกาญจนาภิเษก จะมีงานฉลอง ในวโรกาศที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครองสิริราชสมบัติ
เหลือเวลา
รายการปิดแล้ว!
