“เหรียญพระพุทธชินราช หลังอกเลา เนื้อเงิน ปี 2472 (หูตัด) วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (วัดใหญ่) พิษณุโลก”
เหรียญพระพุทธชินราช หลังอกเลา วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.พิษณุโลก จัดสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2472 ลักษณะเป็นเหรียญปั้มรูปทรงเสมา ด้านหน้าเหรียญเป็นรูปพระพุทธชนิราช ด้านหลังเหรียญเป็นอกเลา มียันต์ และข้อความว่า “อกเลาวิหารพระพุทธชินราช”
เชื่อกันว่าเหรียญนี้ได้รับการปลุกเสกเกจิมากมายในยุคสมัยนั้น และหนึ่งในนั้นมี หลวงพ่อเดิม แห่งวัดหนองโพ รวมอยู่ด้วย
ประวัติพระพุทธชินราช (ขอบคุณข้อมูลจาก changprint.com)
พระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปศิลปะแบบปางมารวิชัย และสุโขทัยเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่โบราณ มีตำนานจาก พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. ๒๔๐๙ โดยอาศัยหลักฐานจากพงศาวดารเหนือ แต่หลักฐานทางประวัติศาสตร์โบราณคดียุติได้ดังนี้คือ พระพุทธชินราชสร้างโดยพระมหาธรรมราชาที่ ๑ (พญาลิไท) กษัตริย์ลำดับที่ ๕ แห่งกรุงสุโขทัย ซึ่งในตำนานพระพุทธชินราชฯ เรียกว่า พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก โดยสร้างพระพุทธรูปพร้อมกัน ๓ องค์ เพื่อประดิษฐานในพระวิหาร ของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เมื่องพิษณุโลกเมื่อ พ.ศ. ๑๙๐๐ มีช่างหล่อพระพุทธชินราชเป็นช่างพราหมณ์ฝีมือดี ๕ นาย คือ ๑. บาอินท์ ๒. บาพรหม ๓. บาพิษณุ ๔. บาราชสังข์ ๕. บาราชกุศล
อีกหนึ่งตำนานเมืองเหนือได้กล่าวว่า พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฏก เจ้าแผ่นดินเชียงแสน ทรงมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า ได้ทรงเล่าเรียนศึกษาพระไตรปิฎกจนคล่องแคล่วชำนิชำนาญทำนุบำรุงกิจการพระพุทธศาสนา ให้เจริญวัฒนาแผ่ไพศาลไปทั่วทุกทิศานุทิศ ถึงแม้พระทัยของพระองค์จะยึดมั่นในพระพุทธศาสนาเพียงใดก็ตาม ก็หาได้เว้นการแผ่พระบรมเดชานุภาพขยายอาณาเขตไม่ จึงได้หาเหตุกรีธาทัพยกมาตีเมืองสวรรคโลก หรือศรีสัชนาลัย พระเจ้ากรุงศรีสัชนาลัย ได้ยกกองทัพออกต่อสู้ กองทัพได้ปะทะกันหลายครั้ง พลทหารทั้งสองฝ่ายล้มตายเป็นอันมาก พระเจ้ากรุงศรีสัชนาลัยตกอยู่ทางฝ่ายเสียเปรียบ จึงได้เจรจาสงบศึก เริ่มสร้างความสัมพันธไมตรีให้มีต่อกันตามเดิม ได้ยกพระราชธิดาถวายต่อพระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก เมื่อพระเจ้าศรีธรรมไตรปิฏกได้พระราชธิดาก็ทรงพอพระทัยจึงยกทัพกลับ ตั้งพระนางไว้ในตำแหน่งอัครมเหสี ทั้งสองพระองค์มีพระราชโอรส ๒ องค์ องค์หนึ่งทรงพระนามว่า ไกรสรราช อีกองค์หนึ่งทรงพระนามว่า ชาติสาคร พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎกได้ทรงสร้างเมืองขึ้นใหม่ที่ตำบลสองแคว เพื่อให้พระราชโอรสปกครอง ได้ตั้งชื่อเมืองที่่สร้างใหม่ว่า "เมืองพิษณุโลก"
เนื่องจากพระเจ้าศรีธรรมไตรปิฏกทรงมีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนา จึงได้ทรงดำริว่า จะสร้างพระพุทธรูปไว้เป็นศรีแก่เมืองพิษณุโลก ได้ให้ช่างเมืองสุโขทัยกับเมืองเชียงแสน ร่วมกันแกะสลักแบบจำลองพระพุทธรูปขึ้น ๓ องค์ คือ พระพุทธชินราชองค์หนึ่ง พระพุทธชินสีห์องค์หนึ่ง พระศรีศาสดาองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่งดงามมาก แล้วหล่อพระพุทธรูปทั้งสามองค์ด้วยทองสัมฤทธิ์ เมื่อวันเพ็ญเดือนยี่ ปีจอ พ.ศ. ๑๔๙๙ เมื่อเย็นแล้วได้แกะแบบพิมพ์ออก รูปของพระชินสีห์ และพระศรีศาสดาเนื้อทองได้แล่นตลอดเสมอกันติดสนิทเรียบร้อยสมบูรณ์ดี แต่รูปพระพุทธชินราชทองหาได้แล่นติดกันไม่ ช่างได้ทำรูปหล่อใหม่อีกถึง ๓ ครั้ง ทองก็ไม่ติด ยังความเศร้าโทมนัสแก่พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฏกเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ทรงตั้งสัตยาอธิษฐาน ร่วมกับพระอัครมเหสีในการที่จะทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้วัฒนาถาวรสืบไป แล้วให้ช่างสร้างรูปแบบจำลองใหม่ คราวนี้เทวดาได้แปลงตนเป็นปะขาวมาช่วยสร้างแบบจำลองด้วย เมื่อสร้างแบบจำลองได้แล้วก็็เริ่มเททองใหม่ เมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖ ปีกุน พ.ศ. ๑๕๐๐ พระพุทธรูปก็สำเร็จเป็นอันดี เทวดาปะขาวนั้นก็หายไป เศษทองที่เหลือจากหล่อพระพุทธรูปทั้งสามองค์ ได้รวบรวมหล่อพระพุทธรูปขึ้นอีกองค์หนึ่ง ให้ชื่อว่า พระเหลือ พระพุทธรูป ๔ องค์ ได้ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก
"เหรียญพระพุทธชินราช หลังอกเลา เนื้อเงิน ปี 2472 (หูตัด) วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (วัดใหญ่) พิษณุโลก" องค์นี้แท้ดูง่าย มาตรฐานสากลตัวจริง เสียงจริง หาไม่ง่ายนะครับ พลาดแล้วพลาดเลย จัดส่งพร้อมบัตรรับรองพระแท้ของสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยครับ