ลูกตะกร้อหวาย หลวงพ่อสุด วัดกาหลงข้างในมีตะกรุด ยุกเรกๆครับ หายากมากๆ ผิวลงรักเก่าแห้งเดิมๆ ทำด้วยหวาย บอกถึงความเหนียวและป้องกันอันตรายทุกสี่ง ที่จะเข้ามามีอันต้องกระเด็นกระดอนออกไป มีแต่สิ่งที่ดีดีเท่านั้นเข้ามา มองสวยงามเข้มขังสุดๆ หลวงพ่อสุด วัดกาหลง หรือ พระครูสมุห์ ธรรมสุนทร บิดาท่านชื่อ นายมาก มารดาท่านชื่อ นางอ่อนศรี ครอบครัวของท่านเป็นชาวนา อำเภอ พนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤษาภาคม 2445 ในสมัย ร.5 ตอนอายุได้ 16 ปี ท่านได้บวชบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดกลางพนมไพร อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2461โดยมีท่านพระครูเม้า เป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมาได้ท่านพระครูเม้าเป็นพระอาจารย์องค์สำคัญที่หลวงพ่อให้ความเคารพนับถืออย่างมาก เมื่อบวชเณรได้ระยะหนึ่ง หลวงพ่อสุด ท่านได้ออกเดินทางรอนแรมจากร้อยเอ็ดมุ่งเข้าสู่กรุงเทพ เพื่อแสวงหาความรู้ทางธรรมและวิชาอาคมต่าง ๆ เข้าใจว่า ท่านคงจะมาบวชเป็นพระที่วัดกาหลง นี่เอง ทั้งนี้เพราะใน พ.ศ. 2481 ท่านอายุได้ 36 ปี ท่านได้สอบนักธรรมชั้นเอก สำนักเรียนวัดกาหลง หลวงพ่อสุด ถึงแม้ท่านมิใช่คนสมุทรสาคร แต่ชาวสมุทรสาครก็นับถือเคารพรักท่านเป็นอย่างมาก เพราะท่านได้ช่วยเหลือและให้ความเมตตา ท่านจึงเป็นที่รักของลูกศิษย์ลูกหาและชาวสมุทรสาคร ด้านวิชาศึกษาด้านอาคม (พระอาจารย์ของหลวงพ่อสุด) 1.หลวงปู่เม้า วัดกลางพนมไพร(พระที่บวชให้ท่านในสมัยตอนเป็นเณร) 2.หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบื่อ (สำหรับหลวงพ่อรุ่ง ในปี 2484 หลวงพ่อสุดเป็นเจ้าคณะตำบล หลวงพ่อรุ่งได้จัดเหรียญรุ่นแรกของท่าน หลวงพ่อสุดได้อยุ่ในการร่วมสร้างเหรียญนี้ด้วยเช่นกัน) 3.หลวงพ่อคง วัดบางกระพล้อม (เป็นพระที่หลวงพ่อสุดนับถือมาก) หลวงพ่อสุด ท่านเป็นอาจารย์ของ ตี๋ใหญ่ จอมโจรในอดีต และท่านเป็นเจ้าของยันต์ตะกร้อและเสือแผ่นที่ทำให้อยู่ยงกระพันที่โด่งดังมากในสมัยนั้นผ้ายันต์ตะกร้อ ยังเป็นที่กล่าวขานและเป็นที่นิยมกันใน ชาว จ.สมุทรสาคร อีกด้วย ยันต์ตะกร้อ เป็นยันต์ที่ท่านได้ปลุกเสกขึ้นมา เมื่อตอนปลุกเสกนั้นหลวงพ่อท่านได้ลงคาถาอาคมโดยใช้ภาษาขอม เขมร และลาว โดยที่บทสวดที่ท่านสวดมีใจความว่า “จะกระสุนก็ดี จะไฟก็ดี ก็สามารถจะทำอะไรเนื้อหนัง และกระดูกได้” ตี๋ใหญ่ มักไปมาหาสู่หลวงพ่อสุดอยู่บ่อยๆ ตี๋ใหญ่มีของดีคือมีผ้ายันต์กับตะกรุดของหลวงพ่อสุดไว้ป้องกันตัว ถึงขนาดถูกตำรวจเป็นร้อยล้อมจับก็ยังสามารถหนีเอาตัวรอดไปได้ จนมีเสียงร่ำลือกันว่าตี๋ใหญ่มีวิชาล่องหนหายตัวได้ มีเรื่องเล่าถึงวันที่ ตี๋ใหญ่เสียชีวิต คือวันนั้นก่อนที่จะหนีไปหลบซ่อนตัว ตี๋ใหญ่สั่งให้ลูกน้องขับรถพามาหาหลวงพ่อสุด ที่วัดกาหลง เพราะต้องการมาขอผ้ายันต์และตะกรุด แต่มาแล้วไม่พบท่าน จึงกลับออกมา ระหว่างที่รถวิ่งออกมาก็โดนถล่มจากตำรวจจำนวนมากทั้งสองข้างทางหลวงพ่อสุด ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ปี 2526 รวมอายุได้ 81 ปี หลังจากที่หลวงพ่อสุดมรณะภาพ มีการเผาศพของท่านได้เป็นข่าวดังทางหน้าหนังสือพิมพ์รายวันหลายฉบับ ในเนื้อข่าวน่ากล่าวถึงศพของท่านโดนไฟเผาไหม้ไม่หมด ร่างกายที่เป็นเนื้อหนังกระดูกเผาหมดแล้วแต่กระดูกของท่านยังอยู่ในภาพที่สมบูรณ์มาก ไม่บิ่นหรือแตกร้าวเป็นชิ้นๆ แบบการเผาศพทั่วๆไปเลย ปัจจุบันทางวัดกาหลงได้นำร่างที่เป็นโครงกระดูกของท่านมาบรรจุไว้ในโลงแก้วตั้งให้ประชาชนไปกราบนมัสการอยู่ที่ชั้น 2 ของศาลาการเปรียญ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสักการะกราบไหว้
"หมากทุย" ต้นหมากนั้นตามปกติตายยากจะมีอายุยืน ที่จะตายได้ก็มีเพียงน้ำท่วม ขังนาน ๆหรือไม่ก็ถูกลมพัดหักกลางต้น แต่ถ้าหากหมากนั้นอยู่ดีๆก็ตายแห้งกรอบเหลือง ทั้ง ที่จั่นติดลูกดกพราว หมากนั้นเป็นหมาก "หมากตายพราย" ให้นำมาทำเครื่องรางที่ เรียกว่า "หมากทุย" วิธีการสร้างหมากทุย ประการแรกพระอาจารย์จะให้ศิษย์ไปขึ้นต้นหมาก เพื่อเอาลูกหมากที่ตายพรายลง มา และลูกหมากนั้นจะต้องเป็นลูกหมากอ่อนที่มีขนาดเล็กพอเหมาะ ส่วนการจะขึ้นไปนั้น ท่านจะสอนคาถาภาวนาให้ เมื่อเวลาขึ้นต้นหมากก็ต้องภาวนาทุกช่วงเวลาไต่ ครั้นพอถึง แล้วก็ไม่ให้เอามือเด็ดแต่ให้ใช้ปากคาบแล้วดึงจนลูกหมากขาด เวลาคาบไว้ในปากก็ภาว คาถากำกับทุกช่วงไป เมื่อได้ลูกตายพรายมาแล้วก็เปิดจุกด้านบนคว้านเอาเนื้อหมากด้าน ในออกให้หมด จากนั้นจึงเอาเม็ดพระธาตุ ( ถ้าไม่มีก็ใช้กระดาษสา ลงพระนามพระพุทธ เจ้าด้วยอักขระแทน ) เมื่อทำการปลุกเสกแล้ว ก็บรรจุลงไปด้านในแทนให้เต็ม จากนั้นก็ เอาชันโรงใต้ดินมาอุดปิดทับด้านบนให้แน่น เพื่อป้องกันความชื้นและตัวแมลง การปลุกเสกกำกับด้วยพลังจิต จนเกิดอุดมนิมิตว่าลูกหมากลุกตั้งได้เอง จึงถอน จิตแล้วนำไปถักเชือกหุ้มอีกชั้นหนึ่ง แล้วลงรักเคลือบผิว ทำห่วงด้านบนเพื่อใช้คล้องคอ ไม่สมควรนำมาคาดเอวหรือห้อยพวงกุญแจ เพราะภายในบรรจุพระนามพระพุทธเจ้า อานุภาพการใช้ กล่าวได้ว่าเมื่อนำติดตัวจะช่วยป้องกัน ทางด้านมหาอุด คงกระพัน แคล้วคลาด และยังป้องกันภูติผีปีศาจ ให้หมั่นปลุกเสกกำกับด้วยคาถาพระเจ้าห้าพระองค์ว่า "นะโม พุทธายะ " อยู่เสมอ ๆ การอาราธนาให้ใช้วิธีดังนี้ ตั้นะโม 3 จบ และระลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัย คุณบิดามารดา ครูอาจารย์ และ เรียกชื่อผู้เป็นเจ้าของหมากทุยที่ท่านนับถือ แล้วใช้คาถามงกุฏเพชรพระพุทธเจ้า จาก นั้นหนุนด้วยคาถามหาอุด ดังนี้ " นะอุด โมอัด พุทยัด ธาปิด ยะมิดชิด ปิดปากกระบอก นะ พุทธผัดผิด ปิดด้วยนะโมพุทธายะ "
ราหู คตซ้อนคต กะลาตาเดียวมหาอุด @@ คำว่าคตซ้อนคตมะพร้าวนั้นคือ มะพร้าวที่มีลูกขนาดที่เล็กมากและแถมยังมีจ้าวมะพร้าวที่แข็งอยู่ข้างในอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งตามโบราณนั้นคตซ้อนคตก็คือว่าเป็นเครื่องรางในตัวชนิดหนึ่งอยู่แล้วที่หายากมากๆ พระราหู คตซ้อนคต กะลาตาเดียวมหาอุด เครื่องรางชิ้นนี้ได้ทำพิธีตามแบบฉบับของหลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง ซึ่ง หลวงพ่อปิ่น(ศิษย์เอกหลวงพ่อน้อย) ได้ทำลงมาตามตำราพระราหูทุกชั้นตอนและยังได้ทำปิดตากะลาตาเดียวเป็นพิธีมหาอุดอีกด้วยครับ ดูจากงานฝีมือของช่างในการแกะที่ระเอียดสวยงามมากครับ แกะเป็น พระราหู ลงตรางเลขยันต์ตามพิธีการแบบครบถ้วน เป็นของหายากยิ่ง
ตะกรุดพิศมร ใบลานบังปืน เก่ามาก สวยๆเบาๆ เด่นทางแคล้วคลาด มหาอุด และคงกระพันชาตรี
ราหู คตซ้อนคต กะลาตาเดียวมหาอุด @@ คำว่าคตซ้อนคตมะพร้าวนั้นคือ มะพร้าวที่มีลูกขนาดที่เล็กมากและแถมยังมีจ้าวมะพร้าวที่แข็งอยู่ข้างในอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งตามโบราณนั้นคตซ้อนคตก็คือว่าเป็นเครื่องรางในตัวชนิดหนึ่งอยู่แล้วที่หายากมากๆ พระราหู คตซ้อนคต กะลาตาเดียวมหาอุด เครื่องรางชิ้นนี้ได้ทำพิธีตามแบบฉบับของหลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง ซึ่ง หลวงพ่อปิ่น(ศิษย์เอกหลวงพ่อน้อย) ได้ทำลงมาตามตำราพระราหูทุกชั้นตอนและยังได้ทำปิดตากะลาตาเดียวเป็นพิธีมหาอุดอีกด้วยครับ ดูจากงานฝีมือของช่างในการแกะที่ระเอียดสวยงามมากครับ แกะเป็น พระราหู ลงตรางเลขยันต์ตามพิธีการแบบครบถ้วน เป็นของหายากยิ่ง
**แดง 260 ** เหรียญหลวงพ่ออบ รุ่น3 เนื้อทองแดงผิวไฟ วัดถ้ำแก้ว เพชรบุรีครับ ขอใช้เจ้าของเก่าครับ หลวงพ่อ อบ อินทวิริโย เป็นชาวบ้านหนองช้างปลัก ตำบลหัวสะพาน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี เกิดปีระกา ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๑ พ.ศ. ๒๔๕๒ บุตรนาย ผึ่ง กลีบจงกล นาง เพี้ยน กลีบจงกล มีพี่น้องร่วมกัน ๖ คน หลวงพ่ออบเป็นคนหัวปี หลวงพ่ออบอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ อุโบสถวัดถ้ำแก้ว มีพระอุปฌาย์ คือ หลวงพ่อทิม วัดโคก หลวงพ่อเช้า วัดเวียงคอย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่ออยู่ วัดถ้ำแก้วเป็นพระนุสาวนาจารย์ เมื่ออุปสมบทแล้ว หลวงพ่ออบก็จำพรรษาอยู่วัดถ้ำแก้ว ศึกษาวิปัสสนาธุระ และพุทธคมกับหลวงพ่ออยู่ ด้วยความพากเพียรเป็นเวลาถึง ๕ พรรษา จากนั้นจึงเดินออกธุดงค์อยู่ทุกปี ร่ำเรียนวิชากับพระอาจารย์ต่าง ๆ คือ อาจารย์วัด ลาดบัวขาว จังหวัดปราจีนบุรี หลวงปู่นาค วัดหัวหิน อาจารย์อยู่ อาจารย์หยอย เจ้าอาวาสวัดถ้ำแก้ว และปู่แสง(โยมพระอาจารย์หยอด)ซึ่งเป็นฆราวาสถือศีลกินเพล ซึ่งเรือง วิทยาคมและมีชื่อเสียงดังมากในจังหวีดเพชรบุรีสมัยนั้น หลวงพ่ออบ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีวิทยาคมเก่งกล้าด้านคงกระพันชาตรี จากประวัติคำบอกเล่ามีว่า ครั้งหนึ่งมีคนบ้าถือมีดพร้าเข้ามาฟันท่านในวัด เสียงดัง บึกๆ แต่ ไม่ระคายผิวท่านเลยแม้แต่น้อย ซึ่งสอดคล้องกับที่หลวงพ่อแดงเคยบอกผู้ที่ไปกราบท่านว่า"ถ้าจะเอาเหนียว ต้องไปหาท่านอบ วัดถ้ำแก้ว" หลวงพ่ออบ ท่านเป็นพระเถระที่ ประพฤติปฏิบัติชอบตามพระธรรมวินัย เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนเป็นจำนวนมาก ท่านมรณภาพด้วยการที่ซุงบนรถบรรทุก หล่นลงมาทับร่างของท่านจนถึง แก่มรณะภาพ ทั้งนี้เนื่องมาจากโซ่ที่ใช้รัดซุงดังกล่าวขาด แต่ที่น่าแปลกคือ ก่อนเกิดเหตุนั้น ท่านได้บอกกับคนอื่นที่ต้องไปช่วยงานท่านในการตีตราซุงเหล่านั้นให้หลบออกไป จากบริเวณดังกล่าวให้หมด เหมือนกับว่าท่านรู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นก่อนล่วงหน้า หลวงพ่อ แดง วัดเขาบันไดอิฐ พระเกจิอาจารย์ผู้ลือนามแห่ง จ.เพชรบุรี ท่านได้กล่าวไว้ว่า "หากฉันตายให้ไปหาหลวงพ่อ อบ วัดถ้ำแก้ว เขาสามารถแทนฉันได้ " "ปัจจุบันวัตถุมงคลทุกรุ่นของท่านหาค่อนข้างยาก เนื่องจากมีประสบการณ์ด้านแคล้วคลาด คงกระพันเป็นที่ประจักษ์ "
พระวัดพลับองค์นี้จัดสร้างในปี16ครับ โดยใช้ผงเก่าจำนวนมากมาบดผสม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นประธานพิธี หลวงปู่โต๊ะปลุกเสก ส่วนใหญ่ด้านหลังจะมีหมึกแดงปั๊ม(บางองค์ก็ไม่ปั๊ม) พระได้ถูกเก็บไว้หลายปี ก่อนจะนำมาออกให้บูชาอีกครั้งในปี 2534 เพื่อฉลองในงานอนุสรณ์ครบรอบ169ปี สังฆราชสุก(ไก่เถื่อน) มวลสารดีพิธีใหญ่ น่าบูชาเคาะเดียวครับ (((แบบที่มีสีหายากมากๆ นอกจากนี้ยังมีสีอื่นเช่นสีแดง,สีเทา ล้วนพบเห็นได้ยากทุกสี ใครชอบของหายากเชิญนะครับไม่แพงเคาะเดียวครับ)
ปลัดขิกหลวงพ่อฟัก วัดนิคมประชาสรรค์ จ.ประจวบคิรีขันธ์ ขนาดยาว6นิ้ว “สมญาดันดะอันลือเลื่อง ฟูเฟื่องเรื่องมหาเสน่ห์เป็นนักหนา แคล้วคลาดปลอดภัยยามยาตรา อุปเท่ห์เป็นเมตตาเจรจาฝีปากทอง” ถ้าพูดถึงปลัดขิกยอดนิยมในปัจจุบันนี้ ที่หลายท่านมักจะคุ้นหู และพูดติดปากให้ได้ยินกันบ่อย ๆ ก็คงต้องนึกถึงปลัดขิกหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก และปลักขิกหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ แต่มีปลัดขิกอีก สำนักหนึ่งที่กำลังมาแรงควบคู่ขึ้นมา ด้วยรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์มาตรฐาน แกะเป็นรูปคล้ายเพชรพญาธร มีหัว มีหาง มีขา และมีไข่ เพียงแค่หนึ่งรูปทรงก็แยกแยะได้อย่างชัดเจนไม่เพียงแค่นั้น แต่จากประสบการณ์ปากต่อปากในเรื่องเมตตามหานิยมแบบเน้น ๆ ในปลัดขิกหลวงพ่อฟัก จึงเป็นที่มาแห่งเจ้าของฉายา “ปลัดขิกดันดะ” หลวงพ่อฟักท่านเป็นลูกศิษย์ เรียนวิชาทำปลัดขิก มาจากหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก เจ้าของฉายาปลัดขิกอันดับ ๑ ของเมืองไทย โดยศิษย์ที่ร่วมเรียนคู่กันมาก็คือ หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส เรียกได้ว่าหลวงพ่อฟักท่านสืบทอดเชื้อสายวิชาปลัดขิกอันโด่งดัง แล้วประยุกต์ให้มีรูปแบบเฉพาะตนโดยเฉพาะไม่ซ้ำแบบใครนับว่าเป็นศิลปะองค์ต้น แบบ ต้นบัญญัติ ซึ่งในยุคหลัง ๆ ต่อมาก็มีหลวงพ่อยิด วัดหนองจอก หรือหลวงพ่อตัด วัดชายนา ได้มีการแกะปลัดในรูปแบบศิลปะของหลวงพ่อฟักเหมือนกัน หลวงพ่อฟัก เป็นพระที่เก่ง อาคมขลัง รูปร่างสูง ผิวค่อนข้างเข้ม แววตาดูเข้มขลัง มีพลังตบะ เดชะ มหาอำนาจยิ่งนัก เครื่องรางที่ท่านสร้างและมีประสบ การณ์มากที่สุดคือ “ปลัดขิก” ซึ่งปลัดขิกของท่านมีคุณภาพไม่แพ้พระเกจิอาจารย์ยุคเก่าเลย เช่น โดนยิงไม่เข้า หรือเผลอเหยียบงูแต่งูอ้าปากไม่ขึ้น ฯลฯ ปลัดขิกของ หลวงพ่อฟักนั้น ราคาทำบุญจากวัดสมัยนั้นต้องนำสิ่งของดังนี้มา ค่าครู ปูน 2 ตัน, ธูป 4 ดอก, ดอกไม้ 4 สี, เทียน 4 เล่ม ราคาประมาณ 3,500 บาท สมัยนั้นแพงมากครับ ท่านจะปลุกเสกและลงจารอักขระที่ปลัดขิกอย่างเข้มขลังและพิถีพิถัน ดีทางเมตตามหาเสน่ห์แคล้วคลาดจากภยันตรายต่าง ๆ นอกจากนี้ยังใช้ทางป้องกันภูตผีปีศาลได้อีกด้วย สร้างจากไม้พญาดำรง (ไม้ดำดง), ไม้คูณ, ไม้รักแดง, ไม้มะนาวผี , กัลปังหา และงาช้างจำพวกงากำจัดงากำจาย ซึ่งหายากและมีน้อยกว่าวัสดุชนิดอื่น เพราะว่าหายากและมีราคา แพงมากกว่านั่นเอง ปลัดดันดะ หลวงพ่อฟัก..ท่านจะลงจารหัวใจคาถาต่าง ๆ “นะหิหะหุ จะฉะ ดันดะ” ที่ได้ฉายา “ปลัดขิกดันดะ” แท้จริงแล้วก็มีที่มาจากอักขระที่ลงอยู่ที่หัวปลัดขิกนั่นเอง ผีเจอก็กระเจิงครับ..เพราะท่านลงหัวใจท้าวเวสสุวัณที่ลำตัว “เวสสะพุสะ” หัวใจอิทธิเจ เมตตามหาเสน่ห์ชั้นสูง “อิธะคะมะ”, หัวใจเกราะเพชร “ภูตากังเก”, หัวใจนวหรคุณ.... “อะสังวิสุโลปุสะพุภะ”, หัวใจพาหุง (พระพุทธเจ้าชนะมาร)... “พามานาอุกะสะนะทุ”, หัวใจเสฏฐัน.. “เสพุเสวะเสตะอะเส” (บทนี้มีปรากฏอยู่ในบทเสกของยันต์ตรีนิสิงเหฯ) และหัวใจกรณียเมตตาสูตร... “เอตังสะติง” อานิสงส์มีถึง ๑๑ ประการ เช่น นอนเป็นสุข ตื่นเป็นสุข ล่วงพ้นจากยาพิษ แคล้วคลาดจากศัตราวุธทั้งปวง และหัวใจมหาอุด.. “อุทธัง อัทโธ” ก็ย่อมาจากบทกรณียเมตตาสูตรนี้เช่นกัน สรุปแล้วก็สุดยอดทั้งเมตตาทางผู้หญิงเน้น ๆ และกันผีครับ ดูอักขระหัวใจคาถาโดยรวมทั้งหมดแล้วเรียกได้ว่าลงไว้ครบจักรวาล ใช้ได้ทุกอย่างเลยครับ
คุณวิเศษนั้น คือ ดีทางมหาอำนาจ หากินเก่งหากินคล่อง มีเมตตามหานิยมในตัว แคล้วคลาด ตลอดจนคงกระพันชาตรีมหาอุด
เหรียญ "หลวงพ่อทวด วัดช้างให้." (ตลาดยิ่งเจริญ อ.หมวกเหล็ก จ.สระบุรี สร้างถวาย.) ตำหนักหลวงปู่ทวด พ.ศ.๒๕๓๐ ขนาด(สูงรวมหูประมาณ ๓.๕ ซม.) สภาพผ่านการใช้มาบ้าง เก็บเก่าเดิมๆพร้อมเลี่ยม...